MGR Online - “เจ้าแม็กซ์ อัจฉริยะ” อดีตแชมป์มวย WBC เอเชีย ร้อง ผบ.ตร.ขอความเป็นธรรมเอาผิดตำรวจชุดจับกุม ยัดคดีร่วมค้ายาบ้า 3 ล้าน ติดคุกฟรี 14 เดือน จ่อฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย
วันนี้ (1 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายอัจฉริยะ วิโรจน์สุโนบล หรือ เจ้าแม็กซ์ อัจฉริยะ อำนาจมวยไทยยิม อดีตแชมป์สภามวยแห่งเอเชีย (WBC เอเชีย) รุ่นซูเปอร์ไลต์เวต พร้อมด้วย ครอบครัว และ นายวรกร พงศ์ธนากุล ทนายความ เดินทางเข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) โดยมี พ.ต.อ.ชุมวร ชมะทัต รอง ผบก.อต. นายตำรวจเวรอำนวยการ เป็นผู้รับมอบหนังสือ
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ตนเองยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด หรือการกระทำความผิดใดๆ แต่กลับถูกตำรวจ สภ.เมืองระนอง ดำเนินคดีข้อหาร่วมกันมียาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้เพื่อจำหน่าย จำนวน 3 ล้านเม็ด มีผู้ต้องหารวม 10 คน จนถูกควบคุมตัวที่สนามบินดอนเมือง ขณะเดินทางไปเตรียมชกมวยชิงแชมป์ WBC ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งขณะถูกดำเนินคดี ตนเองติดคุกนานถึง 14 เดือน ก่อนที่ศาลชั้นต้นจะพิพากษายกฟ้อง เมื่อเดือนธันวาคม 2562 แต่ถูกขังไว้ระหว่างอุทธรณ์ ต่อมาพนักงานอัยการไม่อุทธรณ์ จึงได้รับการปล่อยตัวเมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2563 ที่ผ่านมา
“ระหว่างถูกคุมขังในเรือนจำ ผมต้องถูกตีตรวน ทำให้เสียอิสรภาพ จิตใจก็ย่ำแย่ ต้องรับประทานยาทุกวัน ต้องใช้ธรรมะข่มจิตใจ และใช้เวลาว่างในเรือนจำไปกับการวาดภาพ ต้องหมดอนาคตด้านอาชีพ โดยถูกยึดคืนเข็มขัดแชมป์ WBC เอเชีย ซึ่งการถูกดำเนินคดีครั้งนี้ ตำรวจชุดจับกุม มีเพียงหลักฐานที่มีชื่อผมเป็นเจ้าของรถ ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด แต่ไม่มีหลักฐานอื่นๆ ว่า ผมเข้าไปร่วมกระทำความผิด ซึ่งรถคันดังกล่าวเป็นรถของตนเองจริง แต่ได้มีการซื้อขายโดยการโอนลอยไปตั้งแต่ปี 2558 ก่อนที่จะมาเกิดเหตุในปี 2561 โดยภายหลังภรรยาผมสามารถนำหลักฐานมายืนยันจนศาลยกฟ้อง เช่น สามารถระบุวันเวลาสถานที่ที่ผมอยู่ในช่วงเกิดเหตุ ได้ว่าผมอยู่ที่ จ.นครปฐม แต่สถานที่เกิดเหตุอยู่ที่ จ.ระนอง อีกทั้งตำรวจได้นำจำเลยทั้ง 8 คนมาชี้ตัว ขณะที่อยู่ในเรือนจำ ปรากฏว่า ทั้งหมดยืนยันว่าไม่เคยรู้จักกับผมมาก่อน ตอนแรกคิดว่าเป็นเรื่องความซวย แต่พอเห็นหลักฐานแล้วมองว่าตำรวจทำคดีหละหลวม” นายอัจฉริยะ กล่าว
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า สำหรับรถฮอนด้าซีวิค ทะเบียน กค 7030 ชัยภูมิ ซึ่งเป็นรถของกลางในคดี ตนได้มีการขายต่อให้กับรุ่นพี่นักมวยเมื่อปี 2558 จากนั้นรุ่นพี่ก็ได้ขายต่อให้เต็นท์รถที่ จ.นครปฐม ก่อนที่เต็นท์รถจะขายต่อให้กับผู้ต้องหาคดียาเสพติด เมื่อปี 2561 จึงมีการขยายผลมาจับกุมตนเอง เนื่องจากมีชื่อเป็นเจ้าของรถ หลังจากที่มีการโอนลอยมาโดยตลอด
นายอัจฉริยะ กล่าวด้วยว่า การออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมครั้งนี้ ตนเองยืนยันว่า ไม่รู้สึกเกรงกลัว แม้คู่กรณีจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะมั่นใจในความบริสุทธิ์ นอกจากนี้ ยังขอฝากเตือนประชาชนว่า ไม่ควรซื้อรถในลักษณะที่เป็นการโอนลอย เพราะอาจจะทำให้เกิดปัญหาภายหลังเช่นเดียวกับตนเอง
ด้าน นายวรกร กล่าวว่า หลังจากนี้ จะมีการพิจารณายื่นฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่ง เพราะกรณีนี้ถือว่าตำรวจชุดจับกุมประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ทำให้นายอัจฉริยะต้องถูกดำเนินคดี ต้องติดคุกฟรีถึง 14 เดือน รวมทั้งต้องเสียโอกาสในอาชีพนักมวยไปมากมาย