“ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันอังคารที่ 2 มิถุนายน 2563 ตอน ศึกชิงอำนาจ พปชร. ใครขุนพลคู่ใจบิ๊กป้อม
ศึกชิงอำนาจการเมือง ในพรรคพลังประชารัฐ พรรคแกนนำรัฐบาลมาถึงจุดแตกหักแล้ว เมื่อปฏิบัติการยึดเก้าอี้ แกนนำพรรค คือหัวหน้าพรรค จากอุตตม สาวนายน รมว.คลัง และเลขาธิการพรรค สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์
ที่จะลามพ่วงไปถึงเก้าอี้รัฐมนตรีในโควต้า พลังประชารัฐ เกิดขึ้นโดยทันที และรวดเร็ว ชนิดส.ส.พลังประชารัฐ หลายคน ก็ยังตั้งหลักไม่ทัน
โดยที่ กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ พร้อมใจยื่นใบลาออกจากกรรมการบริหารพรรค รวดเดียว 18 คน อันเป็นจำนวนที่เกินกึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการบริหารพรรค 34 คน ซึ่งตามข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ ส่งผลให้ กรรมการบริหารพรรค พลังประชารัฐ สิ้นสภาพทันที
เวลานี้ อุตตม และสนธิรัตน์ รวมถึงกรรมการบริหารพรรคที่ยังไม่ได้ยื่นใบลาออก จึงมีสภาพเป็น รักษาการ กรรมการบริหารพรรค และพลังประชารัฐ ต้องจัดประชุมใหญ่ เพื่อเลือก กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ภายในไม่เกิน 45 วัน
สิ่งที่ต้องติดตามต่อจากนี้ จากศึกชิงอำนาจ ของพรรคพลังประชารัฐ พรรคการเมือง ที่รวบรวม กลุ่ม-ก๊วน การเมือง สารพัด ให้มารวมตัวกันจนทำให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี อีกรอบ ได้สำเร็จ โดยมี บิ๊กป้อม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นดีลเมกเกอร์ อยู่เบื้องหลังมาตลอด
ทั้งการวางแผนจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐ -การเจรจารวบรวม กลุ่มพรรคการเมืองต่างๆ ให้มาอยู่พลังประชารัฐ -การเจรจาหากลุ่มทุน มากมายให้มาเป็นหัวจ่ายให้พลังประชารัฐ -การดูแลค่าใช้จ่ายในช่วงการเลือกตั้ง และการวางแผนการเลือกตั้งในแต่ละพื้นที่
จึงไม่แปลกที่ ส.ส.พลังประชารัฐ จะคุ้นเคยกับ บิ๊กป้อม จน ขณะนี้ ลุงป้อม กลายเป็น รักที่สุดใน 3 โลกของส.ส.พลังประชารัฐ ทั่วทั้งพรรค จนรู้กันดีว่า หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตัวจริง ก็คือ พลเอกประวิตร นั่นเอง
เมื่อมาถึงสถานการณ์ตอนนี้ กล่าวได้ว่า หมดเวลาของ อุตตม -สนธิรัตน์ ดังนั้น การเปลี่ยนแปลง เก้าอี้ กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ หลังจากนี้ หากฝ่ายโค่น อุตตม วางแผนล็อบบี้ ส.ส.-สมาชิกพรรค ตอนโหวตเลือกหัวหน้าพรรค-กรรมการบริหารพรรคได้แบบม้วนเดียวจบ ทุกอย่างก็เข้าล็อก เลือกกันตามโผที่วางไว้
เต็งหนึ่ง นอนมา หัวหน้าพรรค พลังประชารัฐ คนใหม่ จึงน่าจะเป็น บิ๊กป้อม แม้จะมีจุดอ่อน ที่สภาพสุขภาพและสังขาร เว้นเสียแต่มีสถานการณ์แทรกซ้อน ให้โผพลิกกลางคัน
คำถามต่อมา แล้ว ใครจะมาเป็น เลขาธิการพรรค พลังประชารัฐ ที่เปรียบเสมือน เสนาธิการพรรค แม่บ้านพรรค ที่ต้องดูแลเรื่องต่างๆ ในพรรค เกือบทั้งหมด
เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ที่จะมาแทน สนธิรัตน์ จึงมีความสำคัญอย่างมาก เพื่อมาเป็นมือขวาให้กับ บิ๊กป้อม ในพลังประชารัฐ
ชั่วโมงนี้ คนในพรรคพลังประชารัฐ เก็งชื่อ แคนดิเดท ตัวเต็ง เลขาธิการพรรค ที่ บิ๊กป้อม จะเลือกมาทำงานข้างกาย น่าจะมี 3 ชื่อ กับ 1 ตัวสอดแทรก ประกอบด้วย.
1.เสี่ยแฮงค์ อนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท หลายสมัย ที่อยู่กับพรรคพลังประชารัฐ ตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง
โดยมีกลุ่มสามมิตร สมศักดิ์ เทพสุทิน สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ดันเต็มสูบ
ก่อนหน้านี้ ข่าวว่า เสี่ยแฮงค์ น่าจะแบเบอร์ รั้งเลขาพรรค เพราะนอกจากมีขุมกำลังส.ส.สามมิตร ที่อยู่ในพลังประชารัฐระดับหนึ่งแล้ว ผนวกกับบุคลิก สไตล์ลูกทุ่ง เข้าหาง่าย เล่นการเมืองแบบ ไม่มีพรรค มีแต่พวก
เป็นคนกว้างขวาง
ดังนั้นในกลุ่มส.ส.ต่างจังหวัด จึงน่าจะสนับสนุน ยิ่งถ้าสมศักดิ์ สุริยะ ช่วยสุดตัว และเสี่ยแฮงค์ ก็อาจผงาดเป็นทั้งเลขาธิการพรรค และรมว.กระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง
2. ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ
หนึ่งในแกนนำพลังประชารัฐ ที่เป็นสายตรง ตึกไทยคู่ฟ้า จนเคยมีข่าวพลเอกประยุทธ์ จะมาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยมี ณัฎฐพล เป็นเลขาธิการพรรคมาแล้ว
และที่สำคัญ ณัฎฐพล แกนนำกลุ่มกทม. ระยะหลัง ถูกมองว่า อยู่ร่วมกลุ่มป่ารอยต่อ ของบิ๊กป้อม จนเป็นแขกประจำของที่ทำการมูลนิธิป่ารอยต่อ ของบิ๊กป้อม
และต้องไม่ลืมว่า ปฏิบัติการ โค่น กลุ่มอุตตม ตัว ณัฏฐพล ก็มีข่าวมาตลอดว่า เป็นคนเดินเกม
ณัฏฐพล ชื่อนี้ จึงมีโอกาสเป็นมือขวาบิ๊กป้อมในพลังประชารัฐ
คนที่ 3. สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง แกนนำกลุ่มเพชรบูรณ์ ช่วงหลังข่าวสันติ จะผงาดขึ้นเป็นเลขาธิการพรรค เริ่มแรง เพราะถูกมองว่า ระยะหลัง สันติ payให้พลังประชารัฐและส.ส.ในพรรคแบบไม่อั้น มีการเลี้ยงดู สะสม ส.ส. พลังประชารัฐ ไว้มากขึ้นเรื่อยๆ
ถึงขั้นมีข่าว ไปตกปลาในบ่อเพื่อน ไปดึงส.ส.จากบางกลุ่มเช่น กลุ่มสามมิตรและส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ บางคนให้มาอยู่ด้วย พร้อมกับมีข่าวว่า สันติ เชื่อมสัมพันธ์แนบแน่นกับกลุ่มโคราช ของวิรัช รัตนเศรษฐ์ ประธานวิปรัฐบาลและสุชาติ ชมกลิ่น ประธานส.ส.พรรค เพื่อสร้างฐานอำนาจในพลังประชารัฐ
จนตอนนี้ถือว่าเกือบสำเร็จแล้ว คนที่เอาตึกใหญ่ ของตัวเอง ที่ซอยเสือใหญ่ ย่านรัชดาฯ มาให้เป็นที่ทำการพรรคหลังใหม่ สามารถซื้อใจ คนในพรรคหลายกลุ่ม
ทำให้มีแรงหนุน ที่จะผงาดเป็นเลขาธิการพรรคระยะหลัง น่ากลัวไม่แพ้ใคร แถมพ่วง จะขึ้นควบเป็นรมว.คลัง ด้วย และก๊กนี้ยังมีแผนดัน โฆษกรัฐบาล นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ขึ้นเป็นรมช.คลัง แทนสันติ ด้วย
แคนดิเดทเบื้องต้นในเก้าอี้เลขาธิการพรรค มีสามชื่อ อนุชา-ณัฏฐพล -สันติ
คาดกันว่า หลังมีการเลือกกรรมการบริหารพรรคเสร็จ ก็อุปมาอุปไมยเหมือนนกนางนวลบินมาก็รู้ว่าฤดูหนาวกำลังมาแล้ว สิ่งที่ตามมาชัวร์ ๆ กับ เกมเปลี่ยนผู้บริหารยกชุด คือการปรับครม.
เพราะรัฐบาลประยุทธ์ 1เข้าทำงาน ต้นเดือนสิงหาคม2562 เมื่อการศึกชิงอำนาจในพลังประชารัฐจบลง โอกาสเกิดประยุทธ์ 2ในช่วงก่อนครบรอบหนึ่งปี รัฐบาลประยุทธ์สอง สูงมาก
ถึงตอนนั้น ก็อยู่ที่ว่า กลุ่มอุตตม-สนธิรัตน์และสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.อุดมศึกษาฯ ที่ก็คือ สายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จะดำรงสภาพอย่างไร ในพลังประชารัฐ และในรัฐบาล
ทีมสมคิดจะถอดใจ โบกมือลา พลังประชารัฐ ด้วยดี เพื่อเตรียมตั้งพรรคใหม่ อย่างที่มีกระแสข่าว หรือจะอยู่พลังประชารัฐ ต่อไป
บนกระแสข่าว บิ๊กป้อม บิ๊กตู่ ก็อาจไม่มั่นใจ เดาทาง กลุ่มสมคิด ไม่ออก เริ่มมองๆ ตัวเลือกอื่น ที่จะดึงเข้ามาช่วยเสริมทีมเศรษฐกิจ หาก สมคิด หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ รัฐบาลจากพลังประชารัฐ ถอนสมอไป จนมีคนเริ่มมองไปที่ รายชื่อใครบางคนในคณะที่ปรึกษา ด้านผลกระทบเศรษฐกิจและสังคม ในศบค.
ทีมนี้บิ๊กตู่ ตั้งมากับมือ แต่ยังไม่ชัดว่าเป็นใครที่ บิ๊กตู่อาจเล็งๆ ไว้ให้มาช่วยงาน เพราะมีหลายชื่อหลายคนที่ชื่อชั้น ความรู้ความสามารถ ไม่เป็นรองใครในด้านเศรษฐกิจเช่น ประสาร ไตรรัตน์วรกุล อดีตผู้ว่าแบงค์ชาติ หรือ บัณฑิต นิจถาวร อดีตรองผู้ว่าฯแบงค์ชาติ เป็นต้น
การปรับเปลี่ยน โครงสร้างอำนาจในพลังประชารัฐ กับครม.ประยุทธ์ 2 จึงเกิดขึ้นแบบสอดประสาน ที่ทุกอย่างน่าจะจบก่อน สิงหาคม แต่กว่าจะถึงวันประกาศชัยชนะ แต่ละก๊กจะต่อสู้ห้ำหั่นกันดุเดือดเลือดพล่านแน่