มอบตัวแล้วคนร้ายยิงปืนขู่ป้าเจ้าของหมา ปมขี่ จยย.เฉี่ยวชนสุนัขแสนรัก ก่อนโต้เถียงกัน ผกก.คันนายาว ยันไม่ใช่ผู้มีอิทธิพล “เสือ ดุสิต” อดีตนักเลงโตปล้นบ่อน ประกาศให้ความคุ้มครอง ลั่นสายไหมไม่มีอันธพาลรังแกผู้หญิง เก่งกับหมา กล้ากับเด็ก
กรณี น.ส.ทองคำ (สงวนนามสกุล) อายุ 52 ปี เดินทางเข้าแจ้งความที่ สน.คันนายาว ว่ามีคนร้ายขี่จักรยานยนต์ทับสุนัขของตน ก่อนจะกลับมาใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่ตนและหลานชาย จนทำให้เกิดความหวาดกลัว ทั้งนี้ คนร้ายได้ตามมาขู่ถึง สน.โดยอ้างรู้จักกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ต่อมา นายสัมฤทธิ์ ริมเถื่อน หรือ “เสือ ดุสิต” ออกมาแสดงความไม่พอใจผู้ต้องหา พร้อมพาพรรคพวกเข้าไปเยี่ยมคู่กรณีฝ่ายหญิง ก่อนประกาศให้ความคุ้มครอง
คืบหน้าวันนี้ (18 พ.ค.) ที่ สน.คันนายาว พ.ต.อ.วาสุเทพ คงกล่อม ผกก.สน.คันนายาว เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวมีผู้ต้องหา 1 ราย ได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สน.คันนายาว จึงนำตัวไปยื่นคำร้องขอฝากขังแล้ว เบื้องต้นแจ้งข้อหาพยายามฆ่า สำหรับข้อเท็จจริงสืบเนื่องมาจากมีคนขี่จักรยานยนต์โดยพาเด็กอายุ 9 ขวบ ซึ่งเป็นลูกของผู้ต้องหาซ้อนไปด้วย ขณะขับกำลังถือสิ่งของอาจจะควบคุมรถได้ไม่ดี เลยไปเฉี่ยวชนสุนัขของ น.ส.ทองคำ จึงเกิดการกระทบกระทั่งกัน
จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การว่า ตนทราบว่ารถเฉี่ยวชนจึงเดินทางมายังจุดเกิดเหตุ พบว่าลูกของตนนั่งอยู่บนรถเกรงว่าจะได้รับอันตราย จึงรู้สึกโกรธเคืองผู้เสียหายที่ว่าผู้ใหญ่จะทะเลาะกันควรเอาเด็กออกไปก่อน พยายามขอเคลียร์และขอโทษแล้ว แต่ผู้เสียหายไม่ยอม หลังจากตกลงกันไม่ได้พอออกจากจุดเกิดเหตุ ตนอารมณ์ค้างจึงยิงปืนขึ้นฟ้าแล้วออกไป ขณะที่ผู้เสียหายให้การว่าผู้ต้องหาเล็งปืนมาทางตน แต่เพื่อนของผู้ต้องหาเป็นคนปัดปืนขึ้นฟ้า แต่ที่ทั้งสองคนให้การตรงกันก็คือ ผู้ต้องหายิงปืนขึ้นฟ้า 3 นัด
นอกจากนี้ ทราบว่าทั้งสองคนอาศัยอยู่ในชุมชนวัชรพล 3 โดยกลุ่มชาวบ้านได้ย้ายมาจากชุมชนคลองเตย ซึ่งปัจจุบันบ้านของทั้งสองคนอยู่ห่างกัน ประมาณ 200 เมตร ก่อนเกิดเหตุรู้จักมักจี่กันปกติจนมาเกิดเหตุดังกล่าว
พ.ต.อ.วาสุเทพกล่าวต่อว่า กรณีที่มีข่าวว่าผู้ต้องหาเป็นผู้มีอิทธิพลนั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ใครจะมาใหญ่กว่ากบิลเมืองไม่มีแล้ว จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหา ไม่พบว่าไปเกะกะระรานใคร ทำอาชีพรับจ้างเลี้ยงแพะอยู่แถวนั้น ตนเองก็ไม่เคยได้ยินชื่อผู้ต้องหามาก่อน ส่วนบุคคลที่ชื่อ “เสือ ดุสิต” ตนไม่เคยคุยและไม่เคยรู้จัก อาจจะเห็นว่ามีเหตุดังกล่าวเกิดขึ้น แต่จะมีจุดประสงค์อะไรตนไม่ทราบ หลังเกิดเหตุตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหา
พอผู้ต้องหาทราบว่าตัวเองตกเป็นข่าว จึงเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.คันนายาว เมื่อวันที่ (16 พ.ค.) เวลา 08.00 น. ตามกฎหมายพนักงานสอบสวนสามารถใช้ดุลพินิจได้ 2 ทาง คือ 1. แจ้งกล่าวข้อหาแล้วปล่อยตัวไป เนื่องจากผู้ต้องหาไม่มีเจตนาหลบหนี มาแสดงความบริสุทธิ์ใจเพื่อสู้ข้อกล่าวหา และ 2. แจ้งข้อกล่าวหาแล้วนำตัวไปขออำนาจศาลฝากขัง แต่กรณีดังกล่าวถึงแม้ผู้ต้องหามาเองโดยไม่ได้ออกหมายจับ ตำรวจก็แจ้งข้อกล่าวหาเนื่องจากเป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจ ภายหลังทราบว่าผู้ต้องหาได้ยื่นประกันตัว และศาลได้อนุญาตให้ประกันตัว