MGR Online - กลุ่มผู้เสียหายรวมตัวร้องกองปราบ ล่าตัวสองสามีภรรยา 18 มงกุฎ ตุ๋นจนหมดตัว กลายเป็นหนี้ 12 ล้าน
วันนี้ (13 พ.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.00 น. นายดำรงค์ เทศปาน อายุ 52 ปี พนักงานโรงงานอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรปราการ พร้อมผู้เสียหายรวม 10 คน เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.หญิง ปิยาภรณ์ แก้วมณีโปรด รอง สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความเอาผิด นายสมศักดิ์ และ น.ส.ณฐพรพรรษร สุขศรี สองสามีภรรยา หลังถูกหลอกให้นำเอกสารส่วนตัวมาทำธุรกรรมสินเชื่อกับธนาคารต่างๆ จนกลายเป็นหนี้สินกว่า 12 ล้านบาท โดยนำเอกสารต่างๆ มามอบไว้เป็นหลักฐาน
นายดำรงค์ กล่าวว่า รู้จักและสนิทกับ น.ส.ณฐพรพรรษร มานานกว่า 15 ปี รักและเอ็นดูเหมือนลูกหลานคนหนึ่ง กระทั่งเมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา น.ส.ณฐพรพรรษร ได้ติดต่อมาหา พร้อมบอกว่าตอนนี้ได้แต่งงานมีครอบครัวใหม่อยู่กินกับ นายสมศักดิ์ ทั้งคู่กำลังต้องการจะจัดตั้งบริษัทใหม่ อยากขอยืมเอกสารสลิปเงินเดือนไปเป็นเอกสารการจัดตั้ง ตนจึงบอกว่า เงินเดือนของตนเองแค่ 3 พันบาท ไม่น่าจะเพียงพอ แต่ น.ส.ณฐพรพรรษร บอกว่า ไม่เป็นไร เพราะอ้างว่า นายสมศักดิ์ สามีนั้น เป็นข้าราชการระดับสูงสังกัดกรมบังคับคดี รวมถึงรู้จักกับพนักงานธนาคารหลายแห่ง สามารถดำเนินการอนุมัติได้ จึงหลงเชื่อให้ไป พร้อมกับเซ็นเอกสารที่ น.ส.ณฐพรพรรษร นำมาให้เซ็น ซึ่งอ้างว่าเป็นไปตามขั้นตอนการดำเนินการจัดตั้งบริษัท
นายดำรงค์ กล่าวต่อว่า จากนั้นไม่นานก็ได้มาทราบความจริงว่า ทั้งคู่กลับนำเอกสารของตนไปขอสินเชื่อจากธนาคารต่างๆ จนทำให้ต้องกลายเป็นหนี้สินจำนวนกว่า 12 ล้านบาท โดยที่ไม่รู้ตัว อีกทั้งระหว่างที่ทั้งคู่เข้ามาตีสนิทนั้น ยังได้หลอกให้นำบ้านไปจำนองและกู้เงินคนอื่นมาให้อีก 2 ล้านบาท แต่เมื่อได้เงินแล้ว ทั้งคู่กลับเงียบหายไปไม่มารับผิดชอบหนี้ที่ก่อขึ้นแต่อย่างใด
“ที่หลงเชื่อไม่ใช่เพราะอยากได้ผลตอบแทนใดๆ เพียงแต่เห็นว่าเมื่อก่อนผมเคยช่วยเหลือหาบ้านพักอาศัยให้อยู่เมื่อยามลำบาก รักเหมือนลูกหลาน และอยากให้ทั้งคู่ได้ดิบได้ดี จึงไว้ใจช่วยเหลือเต็มที่ ไม่คิดว่าจะทำกันได้ลง แม้กระทั่งเงินติดตัวสุดท้ายแค่ 2-3 พันบาท ที่เตรียมไว้ใช้จ่ายค่ารักษาลูกป่วย เขาก็ยังจะมาหลอกยืมไปอีก” นายดำรงค์ กล่าว
ด้าน ผู้เสียหายรายอื่น กล่าวว่า ได้ถูกสามีภรรยาคู่นี้เข้ามาทำทีตีสนิท ก่อนอ้างว่ารู้จักเจ้าหน้าที่พิจารณาสินเชื่อจากธนาคารต่างๆ สามารถดำเนินการขอสินเชื่อนำไปลงทุนซื้อบ้านพัก หรือคอนโดต่างๆ เพื่อนำไปเก็งกำไรขายต่อได้ เพียงแต่ต้องยอมจ่ายเงินค่าดำเนินการรายละ 5-6 หมื่นบาท แต่เมื่อจ่ายเงินแล้วกลับไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ อีกทั้งยังถูกนำเอกสารส่วนตัวไปทำธุรกรรมต่างๆ จนได้รับความเสียหาย และได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ในวันนี้จึงได้รวมตัวกันมาเข้าแจ้งความกับทางตำรวจกองปราบเพื่อขอให้ดำเนินคดีกับคู่สามีภรรยา เพราะถือเป็นภัยต่อสังคม เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำผู้เสียหายทั้งหมดไว้ เพื่อนำไปพิจารณาควบคู่กับพยานหลักฐานที่นำมามอบให้ ก่อนส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป