ATP30 เผยแผนรับมือโควิด-19 เตรียมสภาพคล่องไม่น้อยกว่า 6 เดือน ลดค่าใช้จ่าย บริหารต้นทุนประสิทธิภาพสูง นโยบาย Social Distancing หนุนความต้องการใช้รถเพิ่ม พร้อมให้ความร่วมมือควบคุมการแพร่ระบาดรถรับส่งสาธารณะเข้มงวด ขณะที่ธุรกิจท่องเที่ยวกระทบโดยตรง ด้านผลประกอบการ Q1/63 รายได้ 103.07 ล้านบาท กำไร 5.45 ล้านบาท
นายปิยะ เตชากูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอทีพี 30 จำกัด (มหาชน) “ATP30” ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการรถรับส่งพนักงานจากแหล่งที่พักอาศัยในเขตชุมชนไปยังโรงงานอุตสาหกรรมหรือสถานประกอบการโดยเฉพาะรอบเขตนิคมอุตสาหกรรมในภาคตะวันออก (Eastern Seaboard) เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เป็นสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบเกี่ยวเนื่องในทุกอุตสาหกรรม บริษัทจึงมีแผนการรับมือเตรียมความพร้อมเรื่องของกระแสเงินสดเพิ่มสภาพคล่องในการบริหารธุรกิจต่อไปไม่น้อยกว่า 6 เดือน โดยบริษัทเชื่อว่าเพียงพอจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย อีกทั้งลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในทุกด้าน พร้อมบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความร่วมมือตอบสนองทุกนโยบายของภาครัฐ-เอกชนอย่างเต็มที่ รวมถึงบริหารจัดการการเดินรถให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้า
ทั้งนี้ การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมาส่งผลให้รถรับส่งนักท่องเที่ยวจำเป็นต้องหยุดให้บริการทั้งหมด อย่างไรก็ตาม บริการรถรับส่งนักท่องเที่ยวไม่ได้เป็นธุรกิจหลักของบริษัท จึงมีรถจำนวนไม่มาก อีกทั้งเป็นรถที่หมดภาระทางการเงินแล้ว จึงไม่ส่งผลต่อรายได้อย่างมีนัยสำคัญ
ขณะที่บริการรถรับส่งพนักงานได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของอุตสาหกรรมรถรถยนต์ อีกทั้งพนักงานออฟฟิศของโรงงานอุตสาหกรรมบางส่วนมีนโยบาย work from home ส่งผลให้ปริมาณความต้องการใช้รถบัสลดลงเล็กน้อย แต่เนื่องจากลูกค้าของ ATP30 ส่วนใหญ่เป็นโรงงานสายการผลิตที่ไม่สามารถหยุดการดำเนินงานได้ อีกทั้งลูกค้าบางโรงงานที่ตอบสนองนโยบาย Social Distancing มีความต้องการขอใช้บริการรถรับส่งเพิ่มขึ้นเพื่อเว้นระยะห่างให้แก่พนักงาน ซึ่งบริษัทมีรถและนักขับจากการหยุดให้บริการนักท่องเที่ยว เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าในการที่จะเพิ่มรถเพื่อรองรับมาตรการนี้ และยังเป็นรายได้ที่จะเข้ามาทดแทนส่วนที่หยุดให้บริการไป
สำหรับการควบคุมการแพร่ระบาด เนื่องจากบริษัทให้บริการรถรับส่งสาธารณะไม่ประจำทาง จึงดำเนินตามมาตรการป้องกันสำหรับรถรับส่งพนักงานอย่างเข้มงวด โดยนักขับ ATP30 จะสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาขณะปฏิบัติงาน ส่วนการทำความสะอาดภายนอกตัวรถ จะนำรถจอดตากแดดและเปิดประตูเพื่อระบายอากาศระหว่างรอให้บริการระหว่างวัน การทำความสะอาดภายในรถ พนักงานผู้รับผิดชอบจะเช็ดเบาะและราวจับ รวมถึงจุดสัมผัสภายในห้องโดยสารด้วยแอลกอฮอล์หรือน้ำยาฆ่าเชื้อไวรัส อีกทั้งมีการใช้เทคโนโลยีในการฆ่าไวรัสตามเบาะและราวจับด้วยแสง UV หลังจบงานทุกรอบ
ทั้งนี้ ผลประกอบการงวดไตรมาส 1 ปี 2563 บริษัทมีรายได้รวม 103.07 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 113.45 ล้านบาท จำนวน 10.38 ล้านบาท หรือลดลง 9.15 % และมีกำไรสุทธิ 5.45 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 12.17 ล้านบาท จำนวน 6.72 ล้านบาท สาเหตุที่ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวลดลงเนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 เล็กน้อย