“สราวุธ” เผย พิษโควิด-19 ระบาดทำศาลชั้นต้นทั่วประเทศเลื่อนพิจารณา 1.6 แสนคดี มากและยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ เล็ง “เปิดศาลนอกเวลาราชการ” เพื่อเร่งระบายคดีให้เสร็จโดยรวดเร็ว
วันนี้ (8 พ.ค.) นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม ( ก.บ.ศ.) ที่มี นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานศาลฎีกา เป็นประธาน ได้ออกประกาศเรื่องการบริหารจัดการคดีภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 17(1) และ มาตรา 17(2) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 ให้ศาลชั้นต้นเลื่อนนัดพิจารณาคดีจัดการพิเศษทุกคดี ที่นัดไว้ในระหว่างวันที่ 24 มี.ค.- 31 พ.ค. 2563 โดยกำหนดวันนัดใหม่ในเวลาที่เหมาะสม นั้น
จากรายงานสถิติข้อมูลจำนวนคดี ที่เลื่อนนัดพิจารณาของศาลชั้นต้นทั่วประเทศ ดังนี้
วันที่ 24-31 มี.ค. 2563 คดีแพ่งเลื่อนพิจารณา จำนวน 2,494 คดี คดีผู้บริโภคเลื่อนพิจารณา จำนวน 8,257 คดี คดีสิ่งแวดล้อมเลื่อนพิจารณา จำนวน 1 คดี คดีอาญาเลื่อนพิจารณา จำนวน 2,204 คดี คดีทรัพย์สินฯ เลื่อนพิจารณา จำนวน 26 คดี คดีแรงงานเลื่อนพิจารณา จำนวน 521 คดี และคดีภาษีเลื่อนพิจารณา จำนวน 11 คดี
วันที่ 1-30 เม.ย. 2563 คดีแพ่งเลื่อนพิจารณา จำนวน 20,459 คดี คดีผู้บริโภคเลื่อนพิจารณา จำนวน 52,825 คดี คดีสิ่งแวดล้อมเลื่อนพิจารณาคดี จำนวน 32 คดี คดีอาญาเลื่อนพิจารณา จำนวน 15,403 คดี คดีทรัพย์สินฯ เลื่อนพิจารณา จำนวน 88 คดี คดีแรงงานเลื่อนพิจารณาคดี จำนวน 1,104 คดี คดีภาษีเลื่อนพิจารณา จำนวน 25 คดี และคดีล้มละลายเลื่อนพิจารณา จำนวน 409 คดี
วันที่ 1-31 พ.ค.2563 คดีแพ่งเลื่อนพิจารณา จำนวน 12,721 คดี คดีผู้บริโภคเลื่อนพิจารณา จำนวน 36,229 คดี คดีสิ่งแวดล้อมเลื่อนพิจารณา จำนวน 65 คดี คดีอาญาเลื่อนพิจารณา จำนวน 9,434 คดี คดีทรัพย์สินฯ เลื่อนพิจารณา จำนวน 92 คดี คดีแรงงานเลื่อนพิจารณา จำนวน 736 คดี คดีภาษีเลื่อนพิจารณา จำนวน 26 คดี และคดีล้มละลายเลื่อนพิจารณา จำนวน 458 คดี
รวมคดีที่เลื่อนพิจารณาของศาลชั้นต้นทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 24 มี.ค.- 31 พ.ค. 2563 จำนวน 163,620 คดี
นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวว่า หลังจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เพื่อสอดรับกับมาตรการของรัฐบาล ต้องการลดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดต่อดังกล่าว ก.บ.ศ. จึงมีมติให้เลื่อนคดีจัดการพิเศษ คดีสามัญและคดีสามัญพิเศษที่นัดสืบพยานเดิม ตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค.- 31 พ.ค. 2563 และให้ไปกำหนดวันนัดสืบพยานใหม่ในเดือนมิถุนายน-เดือนกรกฎาคม 2563 ส่วนคดีที่รับฟ้องใหม่ในเดือนมีนาคม-เดือนพฤษภาคม ให้กำหนดวันนัดพิจารณาคดีตั้งแต่เดือนสิงหาคม-เดือนกันยายน 2563 เป็นต้นไป
ศาลได้คำนึงถึงประชาชน ผู้มีอรรถคดี เป็นหลัก เพื่อไม่ให้ได้รับความเดือดร้อน จึงได้กำหนดข้อยกเว้นบางคดีที่ไม่เลื่อน เช่น คดีอาญาที่จำเลยต้องขัง คดีแพ่งบางประเภท และคดีอื่นๆ ที่เจ้าของสำนวนและองค์คณะพิจารณาเห็นว่าสามารถดำเนินกระบวนพิจารณาไปได้ โดยไม่มีผลกระทบต่อความปลอดภัยของผู้เกี่ยวข้อง และหากเลื่อนคดีไปอาจทำให้คู่ความทั้งสองฝ่ายหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้รับความเสียหาย โดยคำนึงถึงความยินยอมของคู่ความ
นอกจากนี้ ยังได้กำหนดแนวทางบริหารจัดการคดี โดยอาจใช้ดุลพินิจให้มีการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท หรือนำนวัตกรรมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทออนไลน์มาช่วยให้คดีเสร็จไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการคดีและการอำนวยความยุติธรรมให้ประชาชนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้โดยสะดวก รวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง สอดรับกับนโยบายของประธานศาลฎีกา ในการนำเทคโนโลยีมาใช้อำนวยความยุติธรรม
นอกจากนี้ ศาลอาจกำหนดให้พิจารณาคดีเพิ่มเติมนอกเวลาราชการ และวันหยุดราชการ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563 โดยจัดโครงการเปิดทำการศาลนอกเวลาราชการเพื่อเร่งรัดการพิจารณาพิพากษาคดีที่เลื่อนมาดังกล่าวให้แล้วเสร็จ
“แน่นอนว่า มีผลกระทบอย่างมากต่อประชาชน คู่ความ และผู้มีอรรถคดี และถือว่าการเลื่อนพิจารณาคดีครั้งนี้ จำนวนกว่า 163,620 คดี เป็นการเลื่อนคดีที่มีจำนวนที่มากและเลื่อนเป็นระยะเวลายาวนานสุดในประวัติศาสตร์ก็ว่าได้ แต่ศาลยุติธรรมจะยังไม่หยุดยั้งในการนำนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาในการอำนวยความสะดวกกับประชาชน”