MGR Online - คดีพลิก! กองปราบยันที่ดินพิพาท 3.8 พันไร่ จันทบุรี จนยิงกันตายในศาลเป็นของมูลนิธิอภิธรรมฯ จ่อแจ้งข้อหา “บุญช่วย” น้องชาย “พระกิตติวุฑโฒ” ด้าน เสมียนทนาย-ร.ต.อ.ยิง พล.ต.ต.ถูกแจ้งข้อหาแล้ว
วันนี้ (8 พ.ค.) ที่ กองปราบปรามเมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ร่วมกันแถลงความคืบหน้าคดี พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ อดีตรองจเรตำรวจแห่งชาติ อายุ 67 ปี ก่อเหตุยิง นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความชื่อดัง ซึ่งเป็นโจทก์ยื่นฟ้องร้อง นางสุภาพร ภรรยา นายบัญชา, นายวิชัย อุดมธนภัทร และ นายวิจัย สุขรมย์ ทีมทนายฝ่ายโจทก์ ภายในศาลจังหวัดจันทบุรี ขณะกำลังรอพยานฝ่ายจำเลยและรอผู้พิพากษาขึ้นนั่งบัลลังก์นัดสืบพยานฝ่ายจำเลยนัดแรก เพื่อรับฟังการพิจารณาคดีการฟ้องร้องทางแพ่งเกี่ยวกับที่ดิน 3,800 ไร่ ใน อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี จนเป็นเหตุให้ นายบัญชา และ นายวิจัย เสียชีวิต ส่วน นางสุภาพร และ นายวิชัย ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วน พล.ต.ต.ธารินทร์ เองภายหลังก่อเหตุได้ถูก นายธนากร ธีรวโรดม เสมียนทนาย นำอาวุธปืนของ ร.ต.อ.ขจร บรรจง ตำรวจประจำศาลจังหวัดจันทบุรี ยิงใส่จนเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา
พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า ภายหลังเกิดเรื่อง น.ส.เขมจิรา บัณฑูรนิพิท อดีตภรรยาของ พล.ต.ต.ธารินทร์ ได้ร้องขอให้มีการโอนสำนวนคดีทั้งหมดมาให้กับทางกองปราบดำเนินการแต่เพียงผู้เดียว โดยเหตุการณ์ยิงกันในศาลแบ่งออกเป็น 2 คดี โดยคดีแรกเป็นคดีที่ พล.ต.ต.ธารินทร์ กราดยิงนายบัญชา และพวกเสียชีวิต 2 รายนั้น มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากผู้ก่อเหตุได้เสียชีวิตแล้ว ส่วนคดีที่สองเป็นคดีต่อเนื่องกับคดีแรกที่นายธนากร ใช้อาวุธปืนของ ร.ต.อ.ขจร ยิง พล.ต.ต.ธารินทร์ จนเสียชีวิต โดยอ้างว่า เป็นการยิงเพื่อระงับเหตุนั้น ซึ่งจากการสอบสวนนายธนากร ในเบื้องต้นให้การว่า พล.ต.ต.ธารินทร์ ได้เล็งอาวุธปืนไปยังฝ่ายคู่กรณีคนอื่นๆ ที่เหลือ จึงตัดสินใจใช้ปืนที่ ร.ต.อ.ขจร ส่งมาให้ยิงเพื่อระงับเหตุ แต่จากการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียด รวมถึงหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์นั้น ยืนยันว่า คำให้การนายธนากร ขัดแย้งกับหลักฐานต่างๆ ที่ปรากฏ พนักงานสอบสวนจึงพิจารณาแจ้งข้อหาดำเนินคดีฐาน ฆ่าผู้อื่นและความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.อาวุธปืน
รอง ผบก.ป. กล่าวต่อว่า ส่วน ร.ต.อ.ขจร ที่เป็นผู้ยื่นปืนให้นายธนากร นั้นก็จะต้องถูกดำเนินคดีด้วยเช่นกัน เนื่องจากพิจารณาจากหลักฐานภาพที่บันทึกได้จากกล้องวงจรปิดที่ปรากฏนั้น พบว่า การกระทำของ ร.ต.อ.ขจร นั้นไม่ได้เป็นไปตามหลักหลักการระงับเหตุของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกทั้งภายหลังเกิดเหตุยังไม่ได้ทำการจับกุมนายธนากร ผู้ก่อเหตุปล่อยให้ผู้ก่อเหตุหลบหนี ทางพนักงานสอบสวนกองปราบจึงมีความเห็นพิจารณาดำเนินคดีฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และสนับสนุนให้ฆ่าผู้อื่น โดยวันนี้จะทำการส่งสำนวนคดีดังกล่าวให้กับอัยการคดีทุจริตภาค 2 ดำเนินการต่อไป
พ.ต.อ.เอนก กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์การถือครองที่ดินกว่า 3,800 ไร่ ที่นายบุญช่วย เจริญสถาพร น้องชายของพระกิตติวุฑโฒ ภิกขุ อดีตประธานมูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุ อ้างตัวเป็นเจ้าของที่ดิน จนมีการฟ้องร้องกันนั้น จากการตรวจสอบพยานหลักฐานเอกสารราชการ การสอบสวนพยานบุคคลและประจักษ์พยานต่างๆ จนเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ที่ดินทั้งหมดนั้นเป็นของมูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุ อีกทั้งยังพบว่า นอกจากที่ดินผืนดังกล่าวแล้วยังมีการยักยอกที่ดินในจังหวัดอื่นๆ ของทางมูลนิธิฯอีกหลายร้อยไร่ รวมที่ดินของมูลนิธิที่นายบุญช่วยยักยอกไปจำนวนกว่า 4 พันไร่ ซึ่งหลังจากนี้ จะมีการประชุมก่อนให้พนักงานสอบสวนเพื่อกำหนดวันออกเรียกนายบุญช่วย และบุคคลที่เกี่ยวข้อง มาทำการแจ้งข้อกล่าวหาภายใน 1-2 สัปดาห์ ที่จะถึงนี้ ส่วนกรณีดังกล่าวจะมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่นั้น จากการตรวจสอบ ณ ขณะนี้ยังไม่พบความผิดที่ชัดเจน