ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ จำคุกถ้วนหน้า “ ป๋าติ๊ก” ผจก.-คนเชียร์แขก วิคตอเรียซีเครท 16 ปี ชดใช้ค่าเสียหาย 1 ล้านกว่าบาท ฐานร่วมค้ามนุษย์เด็กสาวเมียนมาร์อายุไม่ถึง 15 ปี
เมื่อเวลา 14.00 น.ที่ห้องพิจารณา 916 วันนี้ (30 เม.ย.) ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีค้ามนุษย์อาบอบนวด “วิคตอเรียซีเครท” สำนวนคดีหมายเลขดำ คม.25/2561 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีค้ามนุษย์ 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายเฉลียว จันทร์พิมพ์ หรือ เอส (ไม่ทราบอายุ) , นายบุญทรัพย์ อมรรัตนาศิริ หรือ ป๋ากบ อายุ 57 ปี ,นายศรัทธาธรรม แจ้งฉาย หรือ ป๋าติ๊ก อายุ 69 ปี ผู้จัดการสถานบริการ , น.ส.ศศิธร วิระเทพสุภรณ์ ในฐานะเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการมีอำนาจใน หจก.อมรินทร์ ออนเซน ที่ขอใบอนุญาตดำเนินกิจการ , หจก.อัมรินทร์ ออนเซน , นายเดชา สิงห์สาครเดชา หรือ หนู (ไม่ทราบอายุ)
เป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 4 ,6,9,10,11,52,53 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2560 มาตรา 3,4,6 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 4,9,11,53 พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 64 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 มาตรา 5,6,25,32 และ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282
คดีนี้อัยการยื่นฟ้อง เมื่อวันที่ 5 เม.ย.2561 ระบุพฤติการณ์ว่า ระหว่างเดือน ก.ค.2557 วันเวลาใด ไม่ปรากฏชัด - 13 ม.ค.2560 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งห้ากับพวกซึ่งมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ลักษณะเป็นเครือข่ายดำเนินงานร่วมกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป กระทำผิดร้ายแรง โดยเป็นธุระจัดหาซื้อขาย จำหน่าย พาไปส่ง หน่วงเหนี่ยวกักขังหรือหลอกลวง เด็กหญิงชาวเมียนมาร์ อายุไม่เกิน 15 ปี จากประเทศเมียนมาร์ มาส่งยังประเทศไทยและไปประเทศมาเลเซีย
เพื่อแสวงหาประโยชน์จากหญิงเมียนมาร์ด้วยการบังคับให้ค้าประเวณีอันเป็นการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์และนางศศิธร จำเลยที่ 4 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ หจก.อัมรินทร์ออนเซน ของจำเลยที่ 5 ซึ่งเป็นผู้ขอใบอนุญาตประกอบกิจการ แต่เมื่อเดือนก.ค.57 -4 ก.ค.2559 จำเลยที่ 2-5 ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการค้าประเวณี ผู้ดูแล และ ผู้จัดการกิจการค้าประเวณี ภายใต้ชื่อสถานบริการอาบอบนวด วิคตอเรียซีเครท ตั้งอยู่เลขที่ 555 ซอยศูนย์วิจัย 4 ถ.พระราม 9 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. ซึ่งเป็นสถานที่ใช้ในการติดต่อหรือจัดหาบุคคลอื่นเพื่อทำการค้าประเวณี เด็กหญิงอายุ ต่ำกว่า 15 ปี
โดยมีผู้เสียหายหญิงเมียนมาร์ ขณะเกิดเหตุอายุ 12 ปี เศษได้เข้ามาในประเทศ โดยฝ่าฝืนพ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ที่ได้มาอาศัยอยู่ที่ห้องพักแมนชั่น ย่าน ถ.ประชาอุทิศ เขตห้วยขวาง กทม.ซึ่งพวกจำเลยได้ร่วมกันนำพาผู้เสียหาย มาจากประเทศเมียนมาร์และให้ผู้เสียหายค้าประเวณีทั้งที่สถานบริการอาบอบนวด วิคตอเรียซีเครท และสถานที่ต่างๆ เหตุเกิดที่ประเทศเมียนมาร์, อ.แม่สาย จ.เชียงราย , แขวงสามเสนนอก และแขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. ด่านตรวจคนเข้าเมืองด่านนอก อ.สะเดา , อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในชั้นพิจารณาจำเลยทุกคนให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 27 ส.ค.2561 ว่าโจทก์มีผู้เสียหายและเจ้าหน้าที่เบิกความสอดคล้องกันว่า ผู้เสียหายถูกหลอกมาโดยมีนายสมชาย หรือป๋ากบ พามาที่กรุงเทพฯ และได้พามาแนะนำตัวกับผู้หญิงที่สถานบริการที่เรียกว่าแม่สุ ที่ได้สอดวิธีการใช้ถุงยางและการให้บริการทางเพศกับลูกค้า และได้ถูกนายสมชายพาไปเปิดบริสุทธิ์โดยผู้เสียหายต้องทนค้าประเวณีเป็นเวลา 2 ปี และระหว่างนั้นถูกส่งตัวไปค้าประเวณียังประเทศมาเลเซีย โดยให้นั่งรถประจำทางไปลงที่ อ.หาดใหญ่ และผ่านด่านนอก อ.สะเดา จ.สงขลา ข้ามไปประเทศมาเลเซีย
โดยมี นายเดชา จำเลยที่ 6 ขับรถกระบะพาผู้เสียหายไปค้าประเวณี ยังสถานบริการประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีการนัดแนะเวลาไว้แล้วและเมื่อผู้เสียหายเคยติดต่อแจ้งกับแม่สุว่าไม่ต้องการทำงานค้าประเวณีที่ประเทศมาเลเซียแล้ว หลังจากอยู่ได้ 2 เดือนเพราะต้องรับลูกค้าวันละหลายคน บางคนก็ไม่สวมถุงยางอนามัย แต่แม่สุบอกว่าหากกลับมาประเทศไทยจะต้องจ่ายเงินคืน 90,000 บาท รวมกับค่ารถอีก 15,000 บาท จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ได้เข้าช่วยเหลือผู้เสียหายแล้ว จึงได้ร้องทุกข์ดำเนินคดี ซึ่งผู้เสียหายและพยานโจทก์อื่นไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน จึงเชื่อว่าไม่ได้เบิกความเพื่อปรักปรำ
ทางนำสืบในส่วนของนายบุญเฉลียว จำเลยที่ 1 ฟังได้เพียงว่าผู้ขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง (วินจยย.รับจ้าง) ส่งผู้เสียหายระหว่างแมนชั่นที่พักกับที่ทำงานสถานอาบอบนวดซึ่งได้รับค่าจ้างเพียงเล็กน้อย ไม่ถึง 100 บาทต่อครั้ง และขณะนั้นจำเลย ไม่ทราบว่าผู้เสียหายนั้นมีอายุเท่าใด โดยพยานหลักฐานโจทก์ยังไม่เพียงพอให้รับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 จะเกี่ยวข้องกับการเป็นธุระจัดหาค้าประเวณีกับจำเลยอื่นแต่อย่างใด
ส่วน นายศรัทธาธรรม หรือป๋าติ๊ก ในฐานะผู้มีอำนาจบริษัท เดวิส ซิลเวอร์สตาร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้จัดการสถานบริการอาบอบนวด วิคตอเรียซีเครท จำเลยที่ 3 พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมา แม้จะไม่ใช่ผู้ที่รับผู้เสียหายไว้โดยตรง แต่จำเลยก็เป็นผู้มีอำนาจดูแลควบคุมและจัดการ ย่อมทราบเป็นไปถึงการดำเนินกิจการต่างๆ ของสถานบริการอาบอบนวด วิคตอเรียซีเครทที่อยู่ในความดูแลของตน
สำหรับ น.ส.ศศิธร จำเลยที่ 4 ในฐานะผู้มีอำนาจเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ หจก.อมรินทร์ ออนเซน ที่ขอใบอนุญาตดำเนินกิจการนั้น แม้จะอ้างว่า มีบริษัทอื่นที่มาดำเนินการแทนแต่ก็เป็นเพียงการกล่าวอ้างลอยๆ จึงฟังได้ว่า นายบุญทรัพย์ หรือป๋ากบ จำเลยที่ 2 , นายศรัทธาธรรม หรือป๋าติ๊ก จำเลยที่ 3 , น.ส.ศศิธร จำเลยที่ 4 มีความผิดฐานร่วมเป็นเจ้าของหรือควบคุมค้าประเวณีเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 วรรคสอง , พ.ร.บ.ค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 9 วรรคหนึ่ง , 21
สำหรับนายเดชา หรือสิงห์ จำเลยที่ 6 ทางนำสืบพยานโจทก์รับฟังได้ว่า จำเลยเป็นผู้ขับรถกระบะพาเด็กสาวผู้เสียหายที่ถูกส่งตัวจาก กทม.ไป อ.สะเดา จ.สงขลา ไปค้าประเวณียังประเทศมาเลเซีย ซึ่งหากไม่มีการนัดหมายเวลาที่แน่นอนย่อมไม่สามารถดำเนินการได้ภายในสถานที่และเวลาที่กำหนดไว้ โดยที่จำเลยอ้างว่าเพียงขับรถรับจ้างก็กล่าวอ้างลอยๆ ไม่อาจรับฟังได้ การกระทำของจำเลยที่ 6 นอกจากจะผิดฐานร่วมกันเป็นธุระจัดหา ล่อไป เพื่อค้าประเวณีกับเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี แล้วก็ยังกระทำผิดฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติด้วย
ให้จำคุก นายบุญทรัพย์ หรือป๋ากบ จำเลยที่ 2 , นายศรัทธาธรรม หรือป๋าติ๊ก จำเลยที่ 3 คนละ 3 ปี 4 เดือน ฐานเป็นธุระจัดหาฯ ฐานเป็นผู้ดูแลและผู้จัดการสถานการค้าประเวณีให้จำคุกคนละ 3 ปี ส่วน น.ส.ศศิธร จำเลยที่ 4 ไม่ได้เข้ามาดำเนินกิจการในสถานบริการอาบอบนวดโดยตรง จึงให้ลงโทษสถานเบา จำคุก 8 เดือน สำหรับนายเดชา จำเลยที่ 6 ฐานเป็นธุระจัดหาฯ ฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ เป็นเวลา 6 ปี และให้ยกฟ้องจำเลยข้อหาค้ามนุษย์ ส่วนนายเฉลียว จำเลยที่ 1 (วินจยย.รับจ้าง) และ หจก. อมรินทร์ ออนเซน จำเลยที่ 5 พิพากษายกฟ้อง
ต่อมาอัยการโจทก์ และ จำเลยที่ 2,4,6 ยื่นอุทธรณ์
ในวันนี้ ศาลได้เบิกตัว นายเฉลียว ซึ่งศาลชั้นต้นยกฟ้องแต่ถูกคุมขังในคดีอื่น,นายบุญทรัพย์ หรือป๋ากบ , นายศรัทธาธรรมหรือป๋าติ๊ก ผู้จัดการฯ , จำเลยที่ 1-3 ซึ่งถูกคุมขังอยู่เรือนจำกลางคลองเปรม เพื่อฟังคำพิพากษาโดยระบบประชุมผ่านจอภาพขณะที่ น.ส.ศศิธร ในฐานะผู้มีอำนาจ หจก.อัมรินทร์ออนเซ็น ผู้ขอใบอนุญาตสถานบริการ จำเลยที่ 4 และฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ 5 , นายเดชา จำเลยที่ 6 ที่ได้ประกันตัวมาฟังคำพิพากษา
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีค้ามนุษย์ ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วเห็นว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์และตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ,4 , 6 ว่าจำเลยที่ 2 ,4 ,6 กระทำความผิดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือไม่เห็นว่า โจทก์มีพยานเป็นข้าราชการกรมการปกครองกระทรวงมหาดไทย เบิกความทำนองเดียวกันว่า่ มูลนิธิพิทักษ์สตรีได้รับเรื่องร้องเรียนว่ามีการนำเด็กหญิงอายุไม่เกิน 18 ปี มาขายบริการที่อาบอบนวดวิคตอเรีย ซีเครท แล้วส่งเด็กไปทำการค้าประเวณีที่ประเทศมาเลเซีย เจ้าหน้าที่กรมการปกครองมีการสืบสวนหาข่าวและวางแผนติดต่อล่อซื้อบริการทางเพศในสถานบริการ วิคตอเรีย ซีเครท เข้าจับกุมพบมีหญิงให้บริการ 97 คน มีหญิงบริการเป็นต่างด้าวถูกขังในห้องชั้น 4 อีก 16 คน รวม 113 คน พบถุงยางอนามัยในห้องบริการถังขยะด้านหน้าสถานบริการ เชื่อว่าจำเลยทั้ง 6 รู้ว่าผู้เสียหายเป็นหญิงชาวเมียนมาร์ 1 ราย มีอายุไม่เกิน 15 ปี ทั้งพยานโจทก์ทั้งหมดเบิกความที่เกี่ยวข้องและรู้เห็นจริง ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าสถานบริการอาบอบนวดวิคตอเรีย ซีเครท ให้หญิงบริการร่วมประเวณีกับลูกค้า การกระทำของจำเลยอยู่ในลักษณะตัวการร่วมโดยแบ่งหน้าที่กันทำ และการกระทำที่นำหญิงสาวผู้เสียหายชาวเมียนมาร์ไปค้าประเวณีที่ประเทศมาเลเซียจึงเข้าลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. 2556 มาตรา 5 (1) (2) (3) (4) , 6 วรรค 1
การกระทำของจำเลยทั้ง 6 คน มีความผิดฐานค้ามนุษย์โดยร่วมกันตั้งแต่ 3 คน ขึ้นไปกระทำแก่บุคคลอายุไม่เกิน 15 ปี ฐานร่วมกันเป็นธุระจัดหาล่อไปหรือชักพาไปซึ่งเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี เพื่อให้กระทำการค้าประเวณีแม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม และฐานร่วมกันสนองความใคร่ของผู้อื่นเป็นธุระจัดหาล่อไป หรือ พาไปเพื่อการอนาจารเป็นการกระทำแก่เด็ก อายุไม่เกิน 15 ปี แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานร่วมกันให้เข้าพักอาศัยซ่อนเร้น หรือ ช่วยด้วยประการใดๆเพื่อให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย จำเลยที่ 2 -5 มีความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าของกิจการค้าประเวณีผู้ดูแลหรือผู้จัดกิจการค้าประเวณีมีเด็ก อายุไม่เกิน 15 ปี ทำการค้าประเวณี และจำเลยที่ 6 มีความผิดฐานร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ส่วนที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าการกระทำของนายกำพล ,นางวิภา และนายธนพล วิระเทพสุภรณ์ กับพวก มิใช่การกระทำความผิดต่อกฎหมายทั้งมิใช่กระทำความผิดฐานค้ามนุษย์และค้าประเวณี และไม่ปรากฏหลักฐานว่านางนิภา และนายธนพลมีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานบริการอาบอบนวดวิคตอเรีย ซีเครท นั้นเห็นว่า โจทก์ไม่ได้ฟ้องบุคคลทั้งสามเข้ามาเป็นจำเลยคดีนี้ คำวินิจฉัยดังกล่าวของศาลชั้นต้นเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น จึงไม่ชอบ อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1-6 มีความผิดตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 282 วรรคสาม (เดิม) พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้า มนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 6 (2) , 10 วรรคหนึ่ง, 52 วรรคสาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 9 วรรคสาม ประกอบประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 83 จำเลยที่ 2-5 มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 11 วรรคสาม ประกอบประมวลกฎหมาย อาญามาตรา 83 และจำเลยที่ 3 มีความผิด ตามพ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 64วรรคหนึ่ง ประกอบ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และจำเลยที่ 6 มีความผิดตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 มาตรา 5 (1) ถึง (4), 25 การกระทำของจำเลยที่ 1-6 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ความผิดฐานร่วมกันเข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 6 เดือน,ฐานค้ามนุษย์โดยร่วมกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป กระทำแก่บุคคลอายุไม่เกิน 15 ปี,ฐานร่วมกันเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปซึ่งเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี เพื่อให้ กระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม และฐานร่วมกันเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจารเป็นการกระทำ แก่เด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานค้ามนุษย์โดยร่วมกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป กระทำแก่บุคคลอายุยังไม่เกิน 15 ปี ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกจำเลยที่ 3-4 และจำเลยที่ 6 คนละ 12 ปี และปรับจำเลยที่ 5 เป็นเงิน 1,000,000 บาท ฐานร่วมกันเป็นเจ้าของกิจการค้าประเวณี ผู้ดูแล หรือผู้จัดการกิจการค้าประเวณี หรือ สถานการค้าประเวณี หรือผู้ควบคุมผู้กระทำการค้าประเวณี ในสถานการณ์ค้าประเวณี มีเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ทำการค้าประเวณีอยู่ด้วย จำคุกจำเลยที่ 2-4 คนละ 12 ปี และปรับจำเลยที่ 5 เป็นเงิน 300,000 บาท ฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ จำคุกจำเลยที่ 6 มีกำหนด 4 ปี รวมจำคุก นายเฉลียว จำเลยที่ 1 มีกำหนด 12 ปี 6 เดือน จำคุก นายบุญทรัพย์ หรือป๋ากบ,นายศรัทธาธรรม หรือป๋าติ๊ก,น.ศ.ศศิธร จำเลยที่ 4-6 คนละ 24 ปี ปรับ หจก.อัมรินทร์ ออนเซน จำเลยที่ 5 เป็นเงิน 1,300,000 บาท และจำคุกจำเลยที่ 6 มีกำหนด 16 ปี
ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้1 ใน 3 คงจำคุกนายเฉลียว จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 8 ปี 4 เดือน จำคุกนายบุญทรัพย์ หรือป๋ากบ ,นายศรัทธาธรรม หรือ ป๋าติ๊ก ,น.ส.ศศิธร จำเลยที่ 2-4 คนละ 16 ปี ปรับจำเลยที่ 5 หจก.อัมรินทร์ออนเซน เป็นเงิน 866,666 บาท และจำคุกนายเดชา จำเลยที่ 6 มีกำหนด 10 ปี 8 เดือน นับโทษนายเดชา จำเลยที่ 1 ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำ ที่ คม.17/2561 ของศาลชั้นต้น ให้จำเลยทั้งหมด ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหาย 160,000 บาท และให้จำเลยที่ 1-5 ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหาย 1,385,800 บาท และจำเลยที่ 6 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหาย 267,005 บาท ข้อหาและคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
ภายหลัง นายรณสิทธิ์ พฤกษยาชีวะ ประธานมูลนิธิรณสิทธิ์ฯ กล่าวว่า ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ให้ลงโทษจำคุกและปรับจำเลยทั้ง 6 คน วันนี้ก็รู้สึกภาคภูมิใจต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยว่าสุดท้ายแล้ว ก็ได้ความยุติธรรมกลับคืนมาจากการค้ามนุษย์ เราต่อสู้เพื่อความถูกต้องให้กับผู้เสียหายเหล่านี้อย่างเต็มที่ เพราะผู้เสียหายคือเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี หรือ 18 ปี ที่ถูกกระทำ ถูกเอารัดเอาเปรียบทางเพศ ขายบริการทางเพศ ส่วนประเด็นคำพิพากษาศาลชั้นต้น พิพากษานายกำพล นางนิภา และนายธนพล ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีวิคตอเรียซีเครทนั้น ตนได้ยื่นเรื่อง ต่อคณะกรรมตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) ให้ตรวจสอบในประเด็นที่ว่าพิพากษาเกินฟ้องหรือไม่ ซึ่งในวันนี้ศาลอุทธรณ์เพิพากษาประเด็นนี้ว่า คำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่วินิจฉัยว่านายกำพล ,นางนิภา และนายธนพล ไม่มีความผิดนั้นมิชอบ เพราะทั้ง 3 คนยังคงหลบหนีอยู่ ไม่ได้นำตัวมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ส่วนนายกำพล ที่หลบหนีไม่ได้ฟ้องต่อศาลนั้น ไม่ได้กังวลเพราะอายุความยังหยุดไว้