xs
xsm
sm
md
lg

ตร.ปรับแผนเชิงรุก จัดชุดเคลื่อนที่เร็วสุ่มตรวจการกักตัว-สถานประกอบการที่ถูกคลายล็อก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม




MGR Online - โฆษก ตร.เผยปรับแผนเชิงรุกหลังรัฐบาลขยายการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จัดชุดเคลื่อนที่เร็ว สุ่มตรวจการกักตัว สถานประกอบการที่ได้รับการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ กำชับทุกหน่วยปราบปรามอาชญากรรมฉวยโอกาสซ้ำเติมประชาชน

วันนี้ (30 เม.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร.และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงมาตรการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการบังคับใช้กฎหมายในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรออกไปอีก 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1-31 พ.ค.นี้ ว่า พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ผอ.ศปม.) และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำว่า ถือเป็นภารกิจสำคัญของฝ่ายความมั่นคงและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่จะต้องร่วมสนับสนุนการดำเนินการของรัฐบาล และศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อป้องกันและลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19

โดยได้กำหนดเป็น มาตรการสำคัญของฝ่ายความมั่นคง จำนวน 3 เรื่องหลัก

เรื่องแรก จัดสายตรวจร่วม ซึ่งฝ่ายความมั่นคงจะปรับการปฏิบัติ โดยเปลี่ยนจากการตั้งรับเป็นรุกเข้าสู่ปัญหา โดยตำรวจจะร่วมกับ กรุงเทพมหานคร จังหวัด ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ทหาร สาธารณสุข และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง จัดให้มีชุดปฏิบัติการร่วมในลักษณะ ชุดเคลื่อนที่เร็ว หรือ ชุดปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อ ตามคำสั่งและประกาศที่เกี่ยวข้อง เพื่อเข้าไปดำเนินการในกรณีต่างๆ ใน 4 แนวทาง คือ การสุ่มตรวจสอบการกักกันแบบ Home Quarantine, การเข้าตรวจสถานที่ ร้านค้า สถานประกอบการที่ได้รับการผ่อนคลายการบังคับใช้ในบางมาตรการ ว่า สามารถปฏิบัติได้ถูกต้องตามสุขลักษณะ ตลอดจนคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อ หรือศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19) หรือไม่ ,การเข้าไปตรวจสอบและจับกุมการมั่วสุมรวมตัวกันที่อาจก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโรคทั้งในช่วงกลางวัน และช่วงเวลาเคอร์ฟิว อาทิ โรงแรม หอพัก ฯลฯ และ การร่วมปฏิบัติหน้าที่ ณ จุดตรวจเคอร์ฟิว ในเวลา 22.00-04.00 น.

เรื่องที่สอง เข้มงวดการหลบหนีเข้าประเทศ โดยสั่งการให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และตำรวจภูธรจังหวัดทุกจังหวัดที่มีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน เพิ่มความเข้มขั้นของมาตรการตรวจสอบผู้ลักลอบเดินทางเข้าประเทศผ่านทางช่องทางธรรมชาติ เพื่อลดจำนวนผู้เดินทางที่ไม่ผ่านการคัดกรอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงงานต่างด้าว รวมถึงการให้การสนับสนุนมาตรการ State Quarantine และ Local Quarantine ของรัฐบาลในทุกจังหวัด

"ขณะที่เรื่องที่สาม ให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง จากสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ส่งผลต่อแนวโน้มของการเกิดอาชญากรรม จึงได้กำชับไปยังทุกหน่วยให้เข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน เช่น ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ ลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปลันทรัพย์ ฉ้อโกง การกู้ยืมเงินในอัตราดอกเบี้ยที่เกินกว่ากฎหมายกำหนด การทวงหนี้โดยผิดกฎหมาย บ่อนการพนันและยาเสพติด รวมไปถึงอาชญากรรมที่เป็นการซ้ำเติมประชาชนที่กำลังเดือดร้อนในปัจจุบัน เช่น ความผิดเกี่ยวกับการจำหน่ายหน้ากากอนามัย และเวชภัณฑ์เกินราคา การเผยแพร่หรือส่งต่อข่าวปลอมในลักษณะ Fake News การฝ่าฝืนประกาศข้อกำหนดของคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อๆ หรือการฝ่าฝืนข้อกำหนดห้ามออกนอกเคหสถานในห้วงเวลาที่กำหนด หรือ เคอร์ฟิว" โฆษก ตร. กล่าว

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวอีกว่า สำหรับในพื้นที่ กทม. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. กำหนดให้แต่ละกองบังคับการ โดยให้ รอง ผบก.น.1-9 หนึ่งท่านรับผิดชอบโดยตรง จัดทำแผนการปฏิบัติงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ ส่วนกองบัญชาการตำรวจภูธร 1-9 ก็เช่นเดียวกัน รอง ผบก.ภ.จว.แต่ละจังหวัดจะมีผู้รับผิดชอบโดยตรงหนึ่งนายจัดทำแผนการออกตรวจร่วม ซึ่งจุดประสงค์ไม่ต้องการจะจับกุมเพียงแค่ป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส

“ขอฝากมายังพี่น้องประชาชนทุกท่านได้โปรดเข้าใจและให้ ความร่วมมือ ในการปฏิบัติตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการณ์ในสถานการณ์ฉุกเฉินๆ เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้ประเทศไทยสามารถรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อโรคได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจะยังคงคุมเข้ม และเข้มงวดมาตรการต่างๆ ทั้งในด้านสาธารณสุข การเดินทาง และอาชญากรรม พบว่าตั้งแต่มีการประกาศเคอร์ฟิว พบว่า อาชญากรรมลดลง ส่วนผู้ที่ฝ่าฝืนก็ลดลงเรื่อยๆ เช่นเดียวกัน คืนที่ผ่านมา พบผู้ฝ่าฝืน 500 กว่าคน 80 เปอร์เซ็นต์เป็นการจับนอกด่านของสายตรวจที่ออกตรวจพื้นที่ต่างๆ อย่างเช่น มั่วสุมนั่งหน้าหมู่บ้าน เมาสุรา” โฆษก ตร.กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น