xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวลึกปมลับ : จัดซื้อแท็บเล็ตแท้งก่อนคลอด ผวาซ้ำรอยผลาญงบ"รัฐบาลปู"

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันอังคารที่ 14 เมษายน 2563 ตอน จัดซื้อแท็บเล็ตแท้งก่อนคลอด ผวาซ้ำรอยผลาญงบ"รัฐบาลปู"



โครงการจัดซื้อแท็บเล็ต ม้วนเสื่อในเวลาอันรวดเร็ว เรียกได้ว่า แท้งตั้งแต่ยังไม่คลอด เรื่องนี้เป็นแนวคิดของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ เป็นนโยบายที่อ้าง เพื่อสนับสนุนการเรียนการสอนระบบออนไลน์

ทำเอาหลายฝ่าย โล่งใจ ที่รัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ปลุกผี ฟื้นโครงการประชานิยมเจ้าปัญหา ของรัฐบาลเพื่อไทย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ

ด้วยเหตุผลต่างๆ นานา จนถึงปัญหาการแพร่ระบาดไวรัส โควิด-19 ระบบการเรียนการสอนยุคต่อไป เทคโนโลยี จะเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ไม่ใช่แค่สำหรับผู้ใหญ่ในเรื่อง work from home แต่นักเรียนทั่วประเทศ ต้องสามารถ study and learning from everywhere ได้เช่นกัน

การให้เด็กนักเรียนมีอุปกรณ์การเรียนการสอนที่ทันสมัย เพื่อให้ก้าวทันการเรียนการสอนในโลกยุคใหม่ จึงเป็นเรื่องที่ทุกคนสนับสนุน

เพียงแต่ แนวคิดการจัดซื้อแท็บเลต แจกโรงเรียน ครู นักเรียน มันมีบทเรียนมาแล้วในอดีต สมัยรัฐบาลเพื่อไทย เมือไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ ว่า

เป็นโครงการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เปิดช่องให้มีการรั่วไหลทางงบประมาณได้มาก อีกทั้ง เทคโนโลยี มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว พวกอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ตกรุ่นในเวลาอันรวดเร็ว

ทำให้จัดซื้อมามากๆ แล้วอายุใช้งานสั้น เต็มที่ก็ประมาณ 2-3 ปี จึงไม่คุ้มค่า ยังไม่รวมหากต้องมีการซ่อมแซม หรืออัพเกรดสเปคและโปรแกรมใหม่ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น อีกทั้งเด็กรุ่นใหม่ๆ ไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนักในสมัยนี้ ให้ไปก็เสี่ยงจะกลายเป็นเศษขยะ

เสียงคัดค้าน แนวคิดการจัดซื้อแท็บเลต มองว่า หากจะมีการการนำงบประมาณกระทรวงศึกษา ไปจัดซื้ออุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ จำนวนมากๆ เป็นพันล้าน จึงไม่คุ้มในการแง่การดำเนินการ

แต่วัตถุประสงค์ เพื่อต้องการ ส่งเสริมการเรียนการสอน โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล ไม่มีใครไม่เห็นด้วย ตรงนี้ต้องเคลียร์กันให้ชัด ไม่ใช่อ้างเท่ๆ

ย้อนรอย โครงการ”แท็บเล็ต” ของรัฐบาลเพื่อไทย ให้เห็นกันชัดๆ ว่ามันเคยมีปัญหาอย่างไรในการดำเนินการ ซึ่งพบว่า นโยบายประชานิยมโครงการ 1 คอมพิวเตอร์พกพา หรือ แท็บเล็ต ต่อ 1 นักเรียน มีแผนใช้เงินจำนวนมาก

เช่น มีการขอจัดสรรงบไว้ใน พรบ.งบประมาณ 2556 ยกตัวอย่างมาให้ดูแค่บางพื้นที่เช่น ในเขตพื้นที่การศึกษา ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

พบว่ามีการขอวงเงินไว้ 1,170 ล้านบาท ขณะที่ ภาพรวมโครงการแท็บเล็ตของปีงบประมาณ 2557 รัฐบาลเพื่อไทย เวลานั้น รัฐบาลกันงบไว้ทำโครงการนี้ ร่วม 5,800 ล้านบาท

การดำเนินโครงการ ยังเจอมีปัญหามาตั้งแต่เริ่มดำเนินการ เช่น โครงการแจกแท็บเลตให้กับ นักเรียนระดับประถมศึกษา ปีที่ 1 ในปี 2555 ที่ใช้งบประมาณ 2,000 กว่าล้านบาท ตอนนั้น กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที เป็นผู้จัดซื้อ

ก็พบว่า ช่วงนั้น มีข่าวในทางลบ ปูดออกมามากมาย เช่น การจัดซื้อล่าช้า และเมื่อมีการจัดซื้อมา ก็พบว่า แท็บเล็ตที่สั่งซื้อไปไม่มีประสิทธิภาพ เช่น แบตเตอร์รี่ไม่เก็บไฟ -ปัญหาเรื่อง ศูนย์ซ่อมน้อย

ที่สำคัญ ความพร้อมของโครงสร้าง เช่น โครงข่ายอินเตอร์เน็ต และในพื้นที่ห่างไกลไม่มีไฟฟ้า ทำให้แท็บเล็ตที่แจกไป มีค่าไม่ต่างกับกระดานชนวน สูญเสียงบประมาณแผ่นดินไปแบบสูญเปล่า

และต่อมา พบว่า ในปีที่ 2 ปีงบประมาณ 2556 ได้เพิ่มแจกให้นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 1 เพิ่มเติมอีกระดับใช้งบประมาณสูง 3,000 กว่าล้านบาท ซึ่งมีการเปลี่ยนรูปแบบจัดซื้อ

โดยให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานหรือ สพฐ. หน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ รับผิดชอบแทน โดยยังคงใช้วิธีจัดซื้อแบบประมูล โดยแบ่งพื้นที่เขตการศึกษาออกเป็นโซนตามภาค

ก็มีข่าวออกมาตลอดว่า กระบวนการต่างๆ มีปัญหาติดขัดหลายเรื่อง เช่นบริษัทคู่สัญญา ที่ชนะการประมูล ต้องส่งมอบ แท็บเล็ตให้สพฐ. ไม่สามารถจัดส่งเครื่องได้ตามสัญญา จนต้องทำอี-ออกชันใหม่

ขณะที่บางโซนของพื้นที่การศึกษา เช่น ภาคกลางและภาคใต้ ก็มีปัญหาร้องเรียนว่าส่อฮั้วประมูลจนบริษัทเอกชนบางแห่ง ต้องร้องให้ตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง

ขณะที่ เขตพื้นที่การศึกษาอย่าง ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ก็มีข่าวว่า สพฐ.ต้องยกเลิกสัญญาเพราะบริษัทที่ชนะการประมูลไม่สามารถจัดส่งแท็บเล็ตได้ตามเวลาที่กำหนด ต้องถอยหลังไปเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่

เรียกได้ว่า โครงการแจกแท็บเล็ตของ รัฐบาลเพื่อไทยเวลานั้น มีแต่ปัญหาการดำเนินงานตลอด ซึ่งการตั้งงบไว้ปีละหลายพันล้านบาท โดยปีสุดท้ายของรัฐบาล มีงบ 5,800 ล้านบาท ก่อนจะถูกคสช.ทำรัฐประหาร

และต่อมา รัฐบาล คสช.สั่งให้ยุติโครงการแท็บเล็ตดังกล่าว แล้วโยกงบประมาณหลายพันล้านบาทดังกล่าว ไปทำโครงการอื่นที่เกิดประโยชน์ต่อนักเรียนและการศึกษา

สร้างความความโล่งใจ ให้กับประชาชนเจ้าองเงิน โดยเฉพาะ นักการศึกษาทั่วประเทศ ที่แอบค้านโครงการดังกล่าว เพราะต่างก็รู้ว่า งบหลายพันล้านบาทดังกล่าว สามารถนำไปพัฒนารูปแบบการเรียนการสอน

ให้ทันสมัย ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาด้วยวิธีการอื่น ที่ใช้งบประมาณน้อยกว่า ได้อีกมาก ดีกว่า นำงบหลายพันล้านบาท มาตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ อย่างแจกแท็บเล็ต อีกหนึ่ง ประชานิยม เจ้าปัญหาของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์

ในครั้งนี้ การกลับลำให้ พับแนวคิด เรื่องจัดซื้อแท็บเล็ต แจกเด็กนักเรียนไว้ก่อน เพราะพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.ศึกษาธิการ เห็นไม่ตรงกัน

การพับแนวคิดโครงการจัดซื้อแท็บเล็ต แบบ คิดเร็ว ม้วนเสื่อเร็ว เช่นนี้ แสดงให้เห็นว่า อย่างน้อย คนในรัฐบาลก็รับฟังเสียงสะท้อน เสียงคัดค้าน ไม่ใช่จะเดินหน้า ทำโครงการ ทั้งที่รู้ว่า เสี่ยงสูญเปล่า งบประมาณแผ่นดินหลายพันล้าน

จนอาจกลายเป็น ผลงานชิ้นโบว์ดำ ของ รัฐบาล ลุงตู่


กำลังโหลดความคิดเห็น