MGR Online - ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ร้อง ปอท.หลัง รมว.พาณิชย์ แจงมีหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น เพียงพอต่อประชาชน สุดท้ายบอกเป็นเพียงวัตถุดิบ ขอให้ลาออกจากตำแหน่ง
วันนี้ (13 เม.ย.) เวลา 10.00 น. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ เข้าพบ พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. และ พ.ต.ท.กฤช เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา รอง ผกก.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท. เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีต่อนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และกฎหมายอาญา มาตรา 157
นายอัจฉริยะกล่าวว่า สืบเนื่องเมื่อวันที่ 30 ม.ค. นายจุรินทร์ลงคลิปผ่านเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวว่ามี 11 บริษัทสามารถผลิตหน้ากากอนามัยได้จำนวน 200 ล้านชิ้น กำลังผลิต 1 เดือน กว่า 100 ล้านชิ้น ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกและมั่นใจว่าสินค้าเพียงพอ กระทั่งวันที่ 30 มี.ค. นายจุรินทร์ได้ออกมาเผยว่า 200 ล้านชิ้นดังกล่าวเป็นเพียงวัตถุดิบ จึงเกิดความเสียหายกระทบต่อประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ทำให้มีหลายคนติดไวรัสโควิด-19 จำนวนมาก
นายอัจฉริยะกล่าวอีกว่า นายจุรินทร์มีตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ ต้องได้รับรายงานข้อมูลจากหน่วยงานเกี่ยวข้องอยู่แล้ว และการพูดว่ามีหน้ากากอนามัยเพียงพอจึงเกิดความน่าเชื่อถือ แต่สุดท้ายมายอมรับว่าเป็นเพียงวัตถุดิบ โดยตนตั้งข้อสังเกตว่าได้พูดคล้ายกับนายศรสุวีร์ ภู่รวีรัศวัชรี หรือเสี่ยบอย ว่ามีสต๊อกหน้ากากอนามัยจำนวน 200 ล้านชิ้น อีกทั้งประชาชนทั่วไปหาซื้อไม่ได้ แต่กลับมีขายในสื่อออนไลน์หรือตลาดมืด ซึ่งการบริหารการจัดการมองว่ามีการทุจริต
“ผมเป็นคนใต้และเลือกพรรคประชาธิปัตย์มาตลอด โดยไม่มีนัยทางการเลือกแต่อย่างใด แต่อยากให้นายจุรินทร์แสดงสปิริตลาออกจาก รมว.พาณิชย์ เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ เตรียมเอาผิดบุคคลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมซึ่งสนับสนุนว่าสินค้ามีอยู่จริง”
ส่วนนายเดชาเผยว่า ตนรู้จักกับนายอัจฉริยะมานาน หากใส่ร้ายคนอื่นคงติดคุกไปแล้ว ที่ผ่านมาก็พบว่านายอัจฉริยะตรวจสอบมาตลอดหลายเรื่อง ตนมองว่าเป็นคนดีคนหนึ่ง ส่วนนายจุริทร์มาแจ้งความก่อนหน้านี้เป็นสิทธิสามารถทำได้ แต่ต้องนำหลักฐานมาหักล้างกันและให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย เบื้องต้น ปอท.รับเรื่องไว้ตรวจสอบพยานหลักฐานและให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย พร้อมดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
