รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันพุธที่ 4 มีนาคม 2563 ตอน ปรับ ครม.ประยุทธ์ 2/2 ยกเครื่องรัฐบาลทรุด
การปรับคณะรัฐมนตรี ที่คาดเดาว่าหลังจากที่รัฐบาล ประยุทธ์ 1/2 บริหารประเทศมาได้ร่วมเจ็ดเดือน และผ่านศึกใหญ่ การซักฟอก ของฝ่ายค้านมาได้
โดยที่ตัว พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แม้จะไม่ช้ำหนัก อย่างที่ฝ่ายค้านขู่ แต่ก็กระเทือนในด้านเครดิตไม่น้อย
ทำให้ กระแสข่าว ความเป็นไปได้ในการปรับคณะรัฐมนตรี เพื่อให้เกิด ครม. ประยุทธ์ 2/2 ถูกพูดถึง เลยเป็นที่จับตามอง ว่าจะเกิดขึ้นช่วงใด เพราะมีความจำเป็นต้องยกเครื่องครม.รัฐบาลเรือเหล็กกันแล้ว
ถึงแม้รัฐบาล จะผ่านศึกซักฟอกมาได้ แต่หลายปัญหารุมเร้า ที่รัฐบาลลุงตู่ กำลังเจอเวลานี้ โดยเฉพาะกระแส เบื่อประยุทธ์ ที่เริ่มขยายวงกว้าง จากปัญหาหลายเรื่องที่สะสมกันมาตั้งแต่ยุคคสช.
ที่ถึงตอนนี้รัฐบาล ประยุทธ์ ได้อำนาจบริหารประเทศมาหลังการเลือกตั้ง ก็ยังสอบไม่ผ่านในความรู้สึกของประชาชน ซึ่งปัญหาใหญ่เป็นปัญหาเศรษฐกิจ ทุกวันนี้คนไทยยิ่งอยู่ยิ่งจนลงทุกวัน จนอยากจะเปลี่ยนคนบริหารประเทศ
และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ที่สำคัญเช่น การรับมือกับวิกฤต โควิด-19 ที่ยังมีปัญหาแทรกซ้อนให้คนไม่สบายใจ อย่างแค่เรื่องการแก้ปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัย ประชาชนก็ยังมองว่ารัฐบาล น่าจะมีการบริหารจัดการที่ดีกว่าปัจจุบัน
เหตุทำงานไม่ประทับใจประชาชนเป็นเงื่อนไขสำคัญ และมีเหตุความจำเป็น ต้องปรับครม. ก็เนื่องมาจากเหตุที่สมการตัวเลขการเมืองในสภาฯ เวลานี้เปลี่ยนแปลงไป
จากเมื่อครั้ง ที่แกนนำพรรคพลังประชารัฐ จัดตั้งรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ จนหลายครั้งต้องพึ่งบริการส.ส.งูเห่าจากฝ่ายค้าน
แต่วันนี้ ปัญหาดังกล่าวถูกปลดล็อกไปแล้ว หลังที่ขั้วการเมืองฝ่ายรัฐบาลได้เสียงเพิ่มต่อเนื่อง
ทั้งได้อานิสงส์จากปัญหาภายในพรรคอนาคตใหม่จนถึงถูกยุบพรรค คือ 4 อดีตส.ส.อนาคตใหม่ ที่โดนพรรคขับออก ก็ย้ายมาอยู่ขั้วรัฐบาลหมด จากนั้น ตามด้วย การที่ศาลรัฐธรรนูญ สั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ และตัดสิทธิ์การเมืองสิบปี อดีตกรรมการบริหารพรรค
จนทำให้ส.ส.ฝ่ายค้าน ที่เป็นอดีตกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ ต้องพ้นสภาพการเป็นส.ส. รวม 11 คน และตามด้วย 9 ส.ส.อดีตอนาคตใหม่ ย้ายเข้าภูมิใจไทย ย้ายไปอยู่กับพรรคชาติไทยพัฒนาอีกหนึ่งคน
ยัง ไม่นับรวมส.ส.งูเห่าในพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชาติ อีกราวๆ 3-4 เสียง และก่อนหน้านี้ 5 ส.ส.พรรคเศรษฐกิจใหม่ ก็เท มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ย้ายมาอยู่ขั้วรัฐบาล เรียกได้ว่า ทุกความเคลื่อนไหวเข้าทาง บิ๊กตู่และพลังประชารัฐ ทุกเม็ด
การเปลี่ยนแปลงตัวเลขส.ส.ปีกรัฐบาล ทำให้สมการตัวเลขการเมืองในฝ่ายรัฐบาลเปลี่ยนแปลงไป เพราะรัฐบาลมีแต่ได้เสียงเพิ่ม ขณะที่ฝ่ายค้าน มีแต่สาละวันเตี้ยลง แถมเอกภาพในฝ่ายค้าน ก็แตกกันเละ
ระหว่างเพื่อไทยกับอนาคตใหม่ เพียงแต่ตอนนี้ ก็ต้องสร้างภาพ จับมือกันไปก่อน แต่ลึกๆ ก็มีการเขม็งเกลียวกันอยู่ในที ด้วยเหตุนี้ จึงเกิดกระแสข่าวการปรับครม.เกิดขึ้นถี่ๆ ขึ้นเรื่อยๆ
ทางด้าน บิ๊กตู่ จะแสดงท่าที ทั้งชัดเจนและอึมครึม เรื่องการปรับครม.มาแล้วสองรอบ คือรอบแรกเกิดขึ้นหลังเสร็จสิ้นการโหวต หลังจบศึกซักฟอกเมื่อ 28 ก.พ.ที่บิ๊กตู่ ยืนกราน ยังไม่ถึงเวลาปรับครม.
แต่น่าแปลก นายกฯบิ๊กตู่ บอกไม่ปรับครม. แต่ข่าวเรื่องการปรับครม.ก่อนเปิดสภาฯ วันที่ 22 พ.ค.กลับยังดังไม่หยุด จนบิ๊กตู่ มีท่าทีเริ่มเปลี่ยนไป พูดชวนให้ฉุดคิด ว่า เรื่องปรับครม.ขอไม่ตอบ และไม่ได้หมายความว่าจะปรับหรือไม่ปรับ เป็นเรื่องที่จะตัดสินใจเอง เมื่อถึงเวลา
เห็นได้ชัดว่า ท่าที ของบิ๊กตู่ เปลี่ยนแปลงไป ในช่วงเวลาห่างกันแค่ ประมาณสามวัน จากเดิมบอกไม่ปรับ แต่พอกระแสข่าวเสียงเรียกร้องให้ปรับครม.จากทั้งคนในพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง
และกระแสสังคมมองว่า รัฐมนตรีบางคนในรัฐบาลมีปัญหาเรื่องการยอมรับ และการทำงานหลายเรื่องของรัฐบาล รัฐมนตรีหลายกระทรวง ยังมือไม่ถึง
เห็นได้ชัดว่า เวลานี้ บิ๊กตู่ ก็เริ่มเปิดทางพูดไม่ผูกมัดตัวเองแล้ว เหมือนกับพร้อมปรับท่าทีให้สอดคล้องกับสถานการณ์ หากจำเป็นต้องปรับ ครม. เพื่อยืดอายุรัฐบาล ลดทอนกระแสไม่พอใจ นายกฯและรัฐบาล
จะเป็นเรื่องไม่รีรอที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะทำทันที
