พ่อค้าผ้ารุ่นเก๋าละเหี่ยใจ ไร้ที่ทำกิน หลังเซ็นต์สัญญาซื้อที่ดินและอาคารพาณิชย์กับบริษัทยักษ์ใหญ่ จ่ายค่างวดครบตามสัญญามาแล้ว 17 ปี สุดท้ายตึกสร้างไม่เสร็จ โอนกรรมสิทธิ์ก็ไม่ได้ เข้าร้องขอความเป็นธรรมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผ่านศูนย์ดำรงธรรม
วันนี้(25 ก.พ.) นายสุวิทย์ คุณากรวงศ์ อายุ 75 ปี อาชีพพ่อค้าผ้า พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อขอร้องทุกข์และขอความเป็นธรรมกรณี ถูกบริษัทอสังหาริมทรัพย์ผิดสัญญา หลังทำเรื่องซื้อขายที่ดินพร้อมอาคารพาณิชย์ โดยมีการจ่ายค่างวดตามสัญญา มาตั้งแต่ปี 2545 จนถึงขณะนี้อาคารยังสร้างไม่แล้วเสร็จ หนำซ้ำยังไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ เนื่องจากตรวจพบว่ามีการก่อสร้างผิดแบบไปจากที่มีการขออนุญาต ทำให้ครอบครัวได้รับความเดือดร้อนจากการไร้ที่ทำกิน โดยมี นายพิชัยยา ตุระซอง รองผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย เป็นผู้รับเรื่อง
นายสุวิทย์ กล่าวว่า ตนตกลงทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพร้อมอาคารพาณิชย์ ขนาด 6.2/3 ชั้น ตามแบบแปลนห้องที่ 11,12 ตรงกับอาคารเลขที่ 520,522 แขวงสี่แยกมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม.กับ บจก.พรหมมหาราช พัฒนาที่ดิน บริษัทในเครือผู้ค้าแก๊สหุงต้มรายใหญ่ และเจ้าของโรงแรมชั้นนำหลายแห่ง ตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค.2545 โดยตามสัญญาอาคารจะแล้วเสร็จในช่วงต้นปี 2546 ซึ่งตนได้มีการจ่ายค่างวดครบตามสัญญาไปตั้งแต่ปีแรก จำนวน 20 ล้านบาท ขณะนี้ก็เนิ่นนานมากว่า 17 ปีแล้ว แต่อาคารก็ยังก่อสร้างไม่เสร็จตามสัญญา เมื่อตนทวงถามก็กลับได้รับคำตอบว่า กำลังดำเนินการขอให้ตนรอ หากก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อใดจะแจ้งและนัดจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ล่วงหน้า
กระทั่งตนและครอบครัวปรึกษากับทนายความและทำการตรวจสอบพบว่า อาคารที่กำลังสร้างได้ดำเนินการก่อสร้างผิดไปจากแบบที่ขออนุญาต จากสำนักงานเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และการก่อสร้างอาคารดังกล่าวไม่ได้เว้นระยะห่างของอาคารตามที่กฎหมายกำหนดไว้ อีกทั้งกลุ่มอาคารที่สร้างขึ้นมาในโครงการเดียวกันก็อยู่ระหว่างการถูกดำเนินคดีทั้งในคดีอาญา ในความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร และอยู่ในชั้นบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลแพ่ง ที่ให้รื้อถอนอาคารในส่วนที่ก่อสร้างผิดแบบแปลน ทำให้มั่นใจว่า อาคารที่ตนทำสัญญาซื้อขายเอาไว้น่าจะไม่มีทางก่อสร้างแล้วเสร็จประกอบกับไม่มีทางโอนกรรมสิทธิ์มาเป็นของตนได้
“ตนจึงพยายามติดต่อกับบริษัทผู้ขายเพื่อเจรจาขอรับเงินต้นที่ตนจ่ายค่างวดครบตามสัญญาไปตั้งแต่ปีแรกพร้อมดอกเบี้ยคืน เนื่องจากตอนนี้เดือดร้อนมากเพราะไม่มีที่ทำกินและไม่สามารถเข้าประกอบกิจการค้าขายเสื้อผ้าได้ แต่ก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงจากทางบริษัทมาโดยตลอด เมื่อเข้าไปร้องทุกข์กับสำนักงานเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ทางเขตก็แจ้งว่าไม่สามารถชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรได้นอกจากจะมีคำสั่งของศาล ตนจึงไม่มีหลักฐานใดๆ เพื่อใช้ประกอบการดำเนินคดีกับบริษัทที่ทำผิดสัญญา จนต้องตัดสินใจเดินทางมาขอความเป็นธรรมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย” นายสุวิทย์ กล่าว
ด้าน นายพิชัยยา ตุระซอง รองผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ได้รับเรื่องร้องทุกข์ดังกล่าวเอาไว้เพื่อนำเสนอต่อผู้บังคับบัญชาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยที่ผ่านมามีผู้ถูกเอารัดเอาเปรียบจากการผิดสัญญาในลักษณะนี้เดินทางเข้ามาร้องทุกข์กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผ่านศูนย์ดำรงธรรม จำนวนมาก ในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ก็จะแนะนำวิธีการหาทางออกและแนะนำให้ไปเจรจาปรึกษาด้านข้อกฎหมายกับหน่วยงานใด ซึ่งส่วนใหญ่ปัญหาก็จะคลี่คลายและได้รับการแก้ไขในที่สุด