xs
xsm
sm
md
lg

พลัสฯ ชี้อสังหาฯ ปี 63 ราคาวูบ 7-15%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

"พลัส พร็อพเพอร์ตี้" เผยผลสำรวจตลาดอสังหาฯ พบหั่นราคาลงจากที่เปิดขายในช่วงแรก 7-15% ชี้เป็นโอกาสทองนักลงทุนชอปของถูก แจงแม้ภาวะโดยรวมไม่คึกคักแต่ตลาดเช่ายังไปได้ คอนโดฯ ปล่อยเช่ากรุงเทพฯ ชั้นในให้ผลตอบแทนเฉลี่ยกว่า 4.0% กรุงเทพฯ ชั้นกลาง 3.3% และกรุงเทพฯ ชั้นนอก 4.1% ด้านภาพรวมคอนโดฯ พร้อมอยู่พบปี 2560-2562 มียอดสะสม 215,479 ยูนิต ส่วนปี 2563-2565 คาดมีคอนโดฯ สร้างเสร็จเพิ่มมาอีก 147,429 ยูนิต แนะนักลงทุนพิจารณาศักยภาพทำเล และจำนวนยูนิตในพื้นที่ประกอบการตัดสินใจ เพราะมีผลต่อราคาในอนาคต

สุวรรณี มหณรงค์ชัย
น.ส.สุวรรณี มหณรงค์ชัย รองกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนากลยุทธ์และบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่าสถานการณ์การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันมีความร้อนแรงลดลงเมื่อเทียบกับในอดีต เนื่องจากปัจจัยหลายด้าน ทั้งภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงจากมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan to Value Ratio : LTV) ทำให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เร่งระบายสินค้าเก่า และกำลังซื้อภายในประเทศยังซบเซา รวมถึงปัจจัยจากลูกค้าชาวต่างชาติที่ชะลอลงจากสภาพเศรษฐกิจโลกและส่วนหนึ่งเนื่องจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น และผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ระดับราคาคอนโดมิเนียมปัจจุบันปรับลดลง ซึ่งระดับราคาดังกล่าวต่ำกว่าราคาช่วงที่เปิดขายในช่วงแรกราว 7-15%

สอดคล้องต่อดัชนีราคาห้องชุดที่อยู่ระหว่างการขายในกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่ชะลอตัวตั้งแต่ไตรมาสที่ 2/2562 ดังนั้น ช่วงที่ราคาคอนโดมิเนียมปรับลดลงจากระดับปกติเช่นในตอนนี้จึงเป็นจังหวะที่ดีสำหรับคนที่มีความพร้อม โดยเฉพาะนักลงทุนระยะยาว โอกาสในจังหวะนี้อยู่ที่ได้ห้องที่มีราคาถูกพร้อมสามารถปล่อยเช่าได้ทันที

จากการสำรวจของฝ่ายวิจัยและพัฒนา พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พบว่า แม้ภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์จะซบเซาแต่ตลาดเช่ายังคงเติบโตให้ผลตอบแทนที่ดี โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมยังสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่า โดยพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นในที่มีผลตอบแทนการปล่อยเช่าเฉลี่ย 4.0% กรุงเทพฯ ชั้นกลาง 3.3% และกรุงเทพฯ ชั้นนอก 4.1% นอกจากนี้ จากการสำรวจพบว่า ปี 2560-2562 มีจำนวนคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จและเป็นโครงการที่ยังขายอยู่ในตลาดราว 405 โครงการ อุปทานสะสมอยู่ที่อยู่ที่ 215,479 ยูนิต ซึ่งลดลงจากปีก่อน เนื่องจากมีอุปทานดูดซับไปบ้างแล้ว ประกอบกับโครงการใหม่ที่เปิดขายในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมายังสร้างไม่เสร็จ

อย่างไรก็ตาม ในอนาคตคาดว่าจะมีห้องที่สร้างเสร็จจำนวนมากในปี 2563-2565 ราว 147,429 ยูนิต จาก 247 โครงการ กดดันให้ผู้ประกอบหลายรายเร่งระบายสินค้าในตลาด เห็นได้จากบางพื้นที่ปรับลดราคาลง โดยการจัดโปรโมชันเพื่อกระตุ้นยอดขาย หากพิจารณารายพื้นที่ พบว่า กรุงเทพฯ ชั้นใน มีคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จและยังคงมีการขายอยู่ 68 โครงการ พื้นที่ดังกล่าวครอบคลุมบริเวณเพลินจิต-ชิดลม สีลม-สาทร และสุขุมวิท เป็นทำเลที่มีศักยภาพ ส่งผลให้ราคาที่ดินในบริเวณดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 10% ต่อปี ผลักดันให้ราคาของคอนโดมิเนียมเพิ่มสูงขึ้นตาม

นอกจากนี้ คอนโดมิเนียมบริเวณดังกล่าวยังสามารถปล่อยเช่าในกลุ่มลูกค้าคนทำงานและชาวต่างชาติได้ดี มีอัตราค่าเช่าราว 20,000-35,000 บาทต่อเดือน ส่งผลให้คอนโดมิเนียมในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นในมีผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.0% โดยคอนโดมิเนียมในทำเลดังกล่าว เช่น โครงการ ไนท์บริดจ์ ไพรม์ สาทร (KnightsBridge Prime Sathorn) โครงการไลฟ์ วัน ไวร์เลส (Life One Wireless) ส่วนพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นกลาง ครอบคลุมพื้นที่ พระราม 3 พญาไท อนุสาวรีย์ สะพานควาย จตุจักร ลาดพร้าว และรัชดา มีคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จจำนวน 60 โครงการ เป็นพื้นที่ที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างชัดเจน ทั้งเดินทางสะดวก ร้านอาหาร รวมถึงแหล่งงาน


โดยพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นกลางมีผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.3% ซึ่งโครงการที่มีผลตอบแทนสูงเป็นโครงการที่ตั้งใกล้รถไฟฟ้ารัศมีไม่เกิน 500 เมตร ทั้งนี้ โครงการที่สร้างเสร็จอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว 45% อยู่บริเวณลาดพร้าว-โชคชัย 4 และรัชดา-พระราม 9 โดยมีอัตราค่าเช่า 13,000-20,000 บาทต่อเดือน เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ส่งผลให้บริเวณลาดพร้าวมีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น มีผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า เฉลี่ยอยู่ที่ 2.7% ด้านรัชดา-พระราม 9 พบการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ทั้งอาคารสำนักงาน ศูนย์การค้าและที่พักอาศัยสำหรับชาวต่างชาติ มีผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าเฉลี่ยที่ 4.5% โดยคอนโดมิเนียมในทำเลดังกล่าว เช่น โครงการเดอะไลน์ พหล-ประดิพัทธ์ (THE LINE Phahon-Pradipat) โครงการไลฟ์ อโศก พระราม 9 (Life Asoke - Rama 9)

พื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นนอกหรือเขตชานเมือง เป็นบริเวณที่มีอุปทานสร้างเสร็จสะสมมากที่สุดราว 70% มีคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จจำนวน 127 โครงการ มีผลตอบจากการปล่อยเช่าเฉลี่ย 4.1% อุปทานส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคาต่ำกว่า 75,000 บาทต่อตารางเมตร และเมื่อเปรียบเทียบคอนโดมิเนียมบริเวณกรุงเทพฯ รอบนอกที่อยู่ในระยะ 400-500 เมตรจากสถานีรถไฟฟ้า กับคอนโดมิเนียมในเมือง พบว่า มีราคาถูกกว่าคอนโดฯ ในเมือง 30-40% ทำให้ผลตอบแทนจากค่าเช่าค่อนข้างสูงเมื่อเปรียบกับพื้นที่อื่นๆ โดยอัตราค่าเช่าส่วนใหญ่อยู่ในช่วง 6,500-8,500 บาท โดยคอนโดมิเนียมในทำเลดังกล่าว เช่น โครงการเดอะ เบส เพชรเกษม (THE BASE Phetkasem)

“แม้ปัจจุบันจะไม่ใช่ปีที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีความคึกคัก แต่เป็นปีที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มีความพร้อมและเน้นลงทุนในระยะกลาง-ยาว เพราะเป็นโอกาสดีที่จะได้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในราคาที่ถูกลง มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าทั้งในแง่ของการเพิ่มขึ้นของส่วนต่างราคาในอนาคต ตลอดจนรายได้จากค่าเช่าจากพื้นที่ที่ยังคงมีศักยภาพในการเติบโต นอกจากนี้ การเลือกซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อลงทุนในแต่ละทำเล ควรพิจารณาที่ตั้งและแนวโน้มของอุปทาน ศักยภาพในพื้นที่และกำลังซื้อที่จะเข้ามาในพื้นที่ เนื่องจากเริ่มเห็นการลดราคาในบางโครงการบริเวณกรุงเทพฯ รอบนอกที่ลดราคาต่ำกว่าราคาที่เคยเปิดขายในช่วงแรกเพื่อกระตุ้นยอดขาย อย่างไรก็ดี การลงทุนอาจต้องพิจารณาถึงจำนวนอุปทานใหม่ที่จะเกิดในอนาคต ศักยภาพการเติบโตในพื้นที่ กำลังซื้อของผู้บริโภค ซึ่งหากพื้นที่มีจำนวนอุปทานที่มากเกินไป ขณะที่อุปสงค์ยังอยู่ในวงจำกัดจะส่งผลต่อระดับราคาและผลตอบแทนที่อาจลดลงได้” น.ส.สุวรรณี กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น