“บิ๊กกบ” ยันเหล่าทัพพร้อมปฏิบัติตามระเบียบ ก.คลัง-กรมธนารักษ์ จัดการสวัสดิการทหาร พร้อมตัดบทตอบปม “เสธ.พงศกร” พักบ้านหลวง บอก “เขาก็ไปแล้ว” เผยยืดหยุ่นให้กำลังพลทุกคนถ้าลำบาก มีชั้นผู้น้อยหลายรายเกษียณแล้วไม่พร้อมย้ายออก
วันนี้ (18 ก.พ.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ (บก.ทร.) วังเดิม พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผท.ทสส.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะผู้บัญชาการทหารและการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพถึงการจัดระเบียบสวัสดิการทหารว่า ผู้บัญชาการเหล่าทัพได้มีการหารือกันมาอย่างต่อเนื่อง และวันนี้ก็จะมีการพูดคุยในที่ประชุมคณะผู้บัญชาการทหารที่มี พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมการประชุมอีกครั้ง เพื่อหารือในประเด็นที่จะตกลงใจในหลายเรื่อง ไม่ใช่เฉพาะเรื่องสวัสดิการทหาร และจะซักซ้อมการทำงานในระยะเวลาต่อไป ตนมองว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร เรื่องสวัสดิการทหารทั้งหมดนั้นเหล่าทัพดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ พ.ศ. 2547 และประกาศคณะกรรมการสวัสดิการข้าราชการเรื่อง หลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขการจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจประกาศ ณ วันที่ 8 ก.ค. 2548 ยืนยันว่าเราไม่ได้ปฏิบัตินอกกรอบหรือไม่มีหลักเกณฑ์ เพียงแต่เป็นที่สนใจว่ามีบางกิจการที่ก่อให้เกิดรายได้ ที่ผ่านมาทุกเหล่าทัพได้นำเงินค่าเช่าหรือเงินรายได้เข้าเป็นเงินรายได้แผ่นดินเป็นปกติอยู่แล้ว นอกจากนี้ มีกิจการเล็กๆ น้อยๆ เช่น ร้านค้าในหน่วยที่ผู้ใช้บริการเป็นกำลังพลก็อยู่ในข่ายการจัดสวัสดิการภายในหน่วยราชการ แต่กิจการที่มีเอกชนหรือบุคคลภายนอกมาใช้ประโยชน์สัดส่วนสูงก็เข้าข่ายสวัสดิการเชิงธุรกิจ
“เหล่าทัพยินดีที่จะปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลัง และกรมธนารักษ์ ตามที่กำหนด โดยเหล่าทัพจะติดต่อโดยตรงกับกรมธนารักษ์เมื่อมีกิจการใดที่ก่อให้เกิดรายได้ เพื่อขออนุญาตนำส่งและขอให้กรมธนารักษ์กำหนดหลักเกณฑ์ว่าต้องส่งเท่าไหร่ กรณีที่กองทัพบกทำเอ็มโอยูเนื่องจากกองทัพบกมีกิจการสวัสดิการจำนวนมาก ในขณะที่เหล่าทัพอื่นไม่จำเป็นต้องทำเอ็มโอยูเพราะได้ติดต่อโดยตรงกับกรมธนารักษ์อยู่แล้ว เพียงแต่จะมีการทบทวนให้ครบถ้วนว่ามีรายการตกหล่นหรือไม่” พล.อ.พรพิพัฒน์กล่าว
เมื่อถามถึงกรณี พล.ท.พงศกร รอดชมภู ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ยังคงพักอาศัยอยู่ในบ้านพักทหารของศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) กองบัญชาการกองทัพไทย แม้ว่าจะเกษียณอายุราชการไปแล้ว พล.อ.พรพิพัฒน์กล่าวว่า ตามหลักการทั่วไปไม่ใช่เฉพาะในส่วนของทหาร แต่บ้านพักหลวงเมื่อเกษียณแล้วต้องส่งคืน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเนื่องจากมีกำลังพลไม่มีความพร้อมและลำบากจึงยืดหยุ่นให้เฉพาะบางราย โดยบ้านพักราชการไม่ได้อยู่เฉพาะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ แต่ก็มีทหารชั้นผู้น้อยที่ยังไม่พร้อมย้ายออก เช่น นายสิบ จ่า ทหารชั้นประทวน ลูกจ้างราชการที่หัวหน้าครอบครัวเสียชีวิตและไม่สามารถขยับขยายได้ก็ผ่อนผันยืดหยุ่นซึ่งมีเป็นจำนวนมาก
เมื่อถามว่า ทำไม พล.ท.พงศกรจึงขอผ่อนผันอยู่เป็นเวลาหลายปี พล.อ.พรพิพัฒน์กล่าวว่า ก็ในที่สุด พล.ท.พงศกรก็ไปแล้ว ขอให้ผ่านประเด็นนี้ไป ส่วนการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ได้รับความเป็นธรรมและเพื่อให้มีชีวิตที่ดีขึ้น และการปกครองไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบนั้น ผู้บังคับบัญชาทุกคนให้ความสนใจเรื่องเหล่านี้ เมื่อมีการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงเราก็จะเน้นย้ำอยู่เสมอว่าผู้บังคับบัญชาต้องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีและมีความสุข หากผู้ใต้บังคับบัญชามีความไม่สบายใจ แร้นแค้นและลำบาก ผู้บังคับบัญชาต้องไปแก้ไขดูแล
“ยืนยันว่าเรามีมาตรฐานว่าเมื่อเกษียณแล้วต้องออกจากบ้านพัก เพียงแต่ความยืดหยุ่นเราสามารถพิจารณาได้เป็นกรณี ทั้งในส่วนของผู้บังคับบัญชา และผู้ใต้บังคับบัญชา เราไม่สามารถไปชี้ได้ว่าเหตุผลใดต้องอยู่หรือเหตุผลใดต้องออก ขึ้นอยู่กับผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเจ้ากรมสวัสดิการที่รับผิดชอบ หากเป็นกรณีที่เกินอำนาจและมีความซับซ้อนก็จะเรียนผู้บังคับบัญชาเพื่อขออนุญาต ยอมรับว่าในส่วนของกองทัพไทยมีทหารเกษียณแล้วยังอยู่บ้านหลวงจำนวนหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา” ผบ.ทสส.กล่าว
เมื่อถามย้ำว่า ถ้ามีเหตุผลและความจำเป็นให้อยู่ต่อได้ใช่หรือไม่ พล.อ.พรพิพัฒน์กล่าวว่า การอยู่บ้านพักหลวงถือเป็นสวัสดิการอย่างหนึ่ง และเป็นหน้าที่ที่ต้องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา แม้จะอยู่ในราชการหรือเกษียณไปแล้ว หากไม่สุดวิสัยจริงๆ หรือมีความจำเป็น มีความต้องการ เราก็พร้อมยืดหยุ่นให้เพื่อให้เขาประสบความลำบากและกระทบกระเทือนน้อยที่สุด ประเทศไทยเราอยู่ด้วยความเมตตาธรรม ส่วนที่มีการปล่อยสิทธิให้เช่าต่อนั้น เรื่องนี้เป็นคนละประเด็น
เมื่อถามว่าในส่วนของกองบัญชาการกองทัพไทยจะมีการเปิดสายตรง ผบ.ทสส.ให้กำลังพลร้องเรียนได้โดยตรงหรือไม่ พล.อ.พรพิพัฒน์กล่าวว่า ทหารก็เหมือนกับส่วนราชการอื่น มีช่องทางการร้องเรียนอยู่แล้วผ่านสายการบังคับบัญชา และจะเปิดฮอตไลน์วันสตอปเซอร์วิส อีกทั้งยังมีศูนย์ดำรงธรรมของกระทรวงมหาดไทย โดยมีหลายช่องทางให้เลือกใช้บริการ และแต่ละเหล่าทัพก็ดำเนินการรับเรื่องร้องเรียนมาแก้ไข