รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ 2563 ตอน ปรับ ครม. “พลังประชารัฐ” ช็อตต่อหลังจบศึกซักฟอก
สถานการณ์รัฐบาลเวลานี้ต้องมองข้ามช็อตกันแล้ว! เพราะได้กลิ่นปรับคณะรัฐมนตรี อบอวลลอยมาหลังจากจบศึกซักฟอก ซึ่งสารพัดมุ้งในพรรค “พลังประชารัฐ” เริ่มตั้งก๊วน เบ่งกล้าม โชว์เพาเวอร์ กันแล้ว
โดยเฉพาะบรรดาพวกที่อกหักครั้งก่อน ตั้งท่ารอกันแล้ว โดยเฉพาะ 2 ฮ. จาก 2 ก๊ก “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท และรองประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ กับ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี และประธาน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ
คู่นี้เป็น “หัวแถว” ที่ได้รับการคาดหมายว่า จะได้นั่งเป็นรัฐมนตรีสมใจเสียที เพราะครั้งก่อนเก้าอี้ภายในพรรคพลังประชารัฐไม่พอ
แต่งวดนี้ ข่าวว่า มาแน่ เพียงแต่จะสมหวังทั้ง “2 ฮ.” หรือ “ฮ.เดียว” ยังต้องลุ้น เพราะมองลึกลงไปภายในพรรค อุปสงค์มากกว่าอุปทาน
โดยเฉพาะบรรดาพวกที่สมหวังไปก่อน ไม่ยอมอยากจะลุกจากเก้าอี้ เนื่องจากยังไม่หายมันส์ เพิ่งทำหน้าที่รัฐมนตรีกันได้ 6 ห้องเดือนเศษๆ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น โดยหลักหากจะเอาคนเข้า ต้องมีคนออก กระแสแรงมาก ว่ารายแรกที่ต้องเก็บข้าวเก็บของออกจากบ้านเอเอฟ คือ
สุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิจัย และนวัตกรรม เพราะจัดอยู่ในประเภท “ขาลอย” ไม่มี ส.ส.ในมือ
“สุวิทย์” เข้ามาในโควตา “เฮียกวง” สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นกลุ่มที่ถูกจ้องตาเขม็ง ถูกมองว่า จับเสือมือเปล่า แต่กินโควตามากกว่าคนอื่น
มีคนคาดการณ์ว่า สุวิทย์หลุดแน่ ดังนั้น 1 เก้าอี้มีแน่ แต่ยังไม่พอ เพราะคนรอระดับหัวแถวมีถึง 2 คน ตอนนี้มันเลย ทำให้เห็นช็อตแสดงขุมกำลัง เพื่อต้องการเข้าวินให้ได้
จึงมีความพยายามจะเลื่อยขาเก้าอี้ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” รมว.พลังงาน ให้พ้นเก้าอี้เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ อยู่เป็นระยะๆ เพราะหากเขี่ย “เฮียสน” หลุดตำแหน่งแม่บ้านไปได้ เท่ากับจะได้เก้าอี้รัฐมนตรีเพิ่มอีกตัวโดยอัตโนมัติ
“สนธิรัตน์” เองก็ทราบดีถึงจุดประสงค์ว่า การที่ลูกพรรคพยายามปฏิบัติการเปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรคนั้น ต้องการอะไร ระยะหลังๆ จึงโชว์บทป๋าเลี้ยงดูปูเสื่อบรรดา ส.ส.มากขึ้น เพื่อหวังเป็นเครื่องค้ำยัน อีกทางหนึ่ง
ซึ่งตอนนี้เฮียสน เป็นพวกหัวเดียวกระเทียมลีบ เพราะตั้งแต่ลุยการเมืองเตรียมตัว กลายเป็นพวก “ฉายเดี่ยว” พ้นอ้อมอก“เฮียกวง” ไปแล้ว
ขณะที่เก้าอี้รัฐมนตรีในโควตาพรรคพลังประชารัฐตัวอื่นๆ คงจะเจาะยากสักหน่อย เพราะคนที่สมหวังรอบแรก ส่วนใหญ่เป็น “หัวหน้ามุ้ง” ของแต่ละกลุ่ม ไม่ยอมลุกไปไหนแน่
อีกตำแหน่งหนึ่งที่เป็นโควตาพรรคพลังประชารัฐ อย่าง รมว.ต่างประเทศของ “ดอน ปรมัตถ์วินัย” คนที่“บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เลือกมากับมือ
ซึ่งหากดัน “ดอน” ออกไป และมีรัฐมนตรีในพรรคพลังประชารัฐยอมขยับมาเป็น รมว.ต่างประเทศ ก็เป็นโอกาสที่จะเพิ่มจำนวนคนจากในพรรคเข้าไปอยู่ในคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ 2/2 ได้
อย่างไรก็ดี ทันทีที่มีข่าวว่า “สุวิทย์” จะถูกปรับออกค่อนข้างแน่ “เสี่ยเฮ้ง” ได้มีการพูดคุยกับ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย เพื่อขอเข้าไปทำงานในเก้าอี้ “รมว.แรงงาน” แทน “หม่อมเต่า” ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล
แล้วสลับไปนั่งเป็น รมว.การอุดมศึกษา วิจัย และนวัตกรรม ที่ “สุวิทย์” กำลังถูกปรับออก
ในขณะที่ “เสี่ยเฮ้ง” ออกตัวแรง แต่ “เสี่ยแฮงค์” ก็เข้าบ้าน “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี แทบจะทุกวัน เพื่อป้องกันผิดพลาดในรอบต่อไป
“เสี่ยแฮงค์” ไม่ต้องการเข้ามาในโควตา “สามมิตร” เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจะต้องปรับ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.อุตสาหกรรม หรือ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม คนใดคนหนึ่งออก เพื่อสลับในโควตากลุ่มตัวเอง
แต่ต้องการเข้ามาใน “โควตากลาง” ของพรรค หลังได้รับมอบหมายให้เป็นรองประธานยุทธศาสตร์ของ “บิ๊กป้อม”
อีกเก้าอี้ที่หลายคนจับตาว่า สั่นสะเทือนแน่ นั่นคือ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของ “เทวัญ ลิปตพัลลภ” เพราะสัดส่วน ส.ส.ของพรรคชาติพัฒนา มีเพียงแค่ 3 คน
ในขณะที่ปัจจุบันพรรคพลังท้องถิ่นไทมี 5 -8 คน หนำซ้ำ ยังมีพรรคเศรษฐกิจใหม่ 5 คนย้ายขั้วมาเติมอีก
แต่ไปๆ มาๆ ว่า หนังเหนียวเอาเรื่อง เพราะ “เทวัญ” ทำงานถูกอกถูกใจนายกฯ โดยเฉพาะการเป็น “หนังหน้าไฟ” ไปตอบกระทู้แทนในสภาผู้แทนราษฎรทุกสัปดาห์ นอกจากนี้ “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” เจ้าของพรรคตัวจริง วิ่งช่วยยึดเก้าอี้ไว้เต็มที่
เอาว่า ตอนนี้ที่ชัวร์ๆ มี 1 ที่นั่ง ของ “สุวิทย์” เท่านั้นที่ว่างสำหรับเปลี่ยนคนเข้ามาใหม่ ที่เหลือต้องสู้ ต้องล่อกันหนักแน่ และหากยังมีคนอกหักหน้าเดิม ไม่ว่าใครก็ตาม รับรองคลื่นใต้น้ำในพรรคหนักกว่ารอบแรกแน่