MGR online - บช.ก.ร่วมกับ ปคม.แถลงปผลปิดล้อมตรวจค้น เป้าหมายรวม 10 แห่ง ในพื้นที่ กทม. ตามรวบกลุ่มนายทุนชาวจีนและนายหน้าชาวไทย ว่าจ้างหญิงไทยอุ้มบุญ ได้ผู้ต้องหา 9 ราย ยึดทรัพย์เป็นรถยนต์-บ้าน มูลค่ารวม 35 ล้านบาท และมีทรัพย์สินที่ต้องติดตามตรวจยึดอีก 100 ล้านบาท
วันนี้ (13 ก.พ.) พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบก.ปคม. พล.ต.ต.สยาม บุญสม ผบก.ตร.มหด.รอ.904 พ.ต.อ.มานะ กลีบสัตบุศย์ พ.ต.อ.อภิรักษ์ เวชกาญจนา พ.ต.อ.ฐากูร นิ่มสมบุญ พ.ต.อ.จิรเดช พระสว่าง พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์ รองผบก.ปคม. พ.ต.อ.ดารงศักดิ์ อ่อนตา ผกก.2 บก.ปคม. พ.ต.อ.อัครเดช เกตุเอี่ยม ผกก.4 บก.ปคม. พ.ต.อ.อภิสัณฐ์ ไชยรัตน์ พ.ต.ต.พัฒน์ชพล มีนวลสิน สว.กก.2 บก.ปคม.พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน รองผบช.น. พ.ต.อ.ปิโยรส กัณหะสิริ ผกก.สส.บก.น.5 และ พ.ต.ท.ณัฐพล รัตนมงคลศักดิ์ สว.กก.สส.บก.น.5 พ.ต.อ.ทินกร รังมาตย์ รองผบก.ตม.3
ร่วมกันสนธิกาลังปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น (Operation) เป้าหมายกลุ่มนายทุนชาวจีนและนายหน้าชาวไทย ที่ได้ว่าจ้างหญิงไทยให้มารับจ้างอุ้มบุญ โดยในการ ปฏิบัติการ ได้เข้าทาการตรวจค้นบ้านพักและบริษัทต่างๆที่เปิดไว้บังหน้า รวมถึงสถานที่พัก อาศัยกลุ่มแม่อุ้มบุญ รวมจำนวน 10 แห่ง คือ1.บ้านเลขที่ 16 ซ.นาคนิวาส 37 แยก 2-3 ถ.นาคนิวาส แขวง-เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ 2.บ้านเลขที่ 15 ซ.นาคนิวาส 37 แยก 2-3 ถ.นาคนิวาส แขวง-เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ 3.บ้านเลขที่ 1647 ซ.ลาดพร้าว 94(ปัญจมิตร) แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ 4.บ้านเลขที่ 1659/1 ซ.ลาดพร้าว 94(ปัญจมิตร) แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ 5.บ้านเลขที่ 1375 ซ.ลาดพร้าว 94(ปัญจมิตร) แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ 6.บ้านเลขที่ 92/21 หมู่บ้านชัยพฤกษ์ ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี 7.บ้านเลขที่ 20/307 ซ.กำนันแม้น 23 แยก 24 ถ.เอกชัย แขวง-เขตบางบอน กรุงเทพฯ 8.บ้านเลขที่ 59/179 หมู่บ้านพนาสนธิ์3 ซ.นิมิตใหม่ 3/2 แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ 9.บ้านเลขที่ 49/38 หมู่บ้าน KC Garden Home 18 ซ.นิมิตรใหม่ 40 แขวงสามวาตะวันออก เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ และ 10.บ้านเลขที่ 47 ม.6 ต.สามเรือน อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย
จากการปิดล้อมตรวจค้นจับกุมตัวผู้ต้องหารายสำคัญในขบวนการได้ ทั้งหมด ซึ่งมีทั้งชาวจีนและไทย ตามหมายจับ จำนวน 9 ราย คือนายเจ้า หราน หรือ Mr.Ran zhao อายุ 37 ปี สัญชาติจีนผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 36/2563 ลงวันที่ 16 ม.ค. 2563นางซูยิงถิง หรือ Miss.Su Yingting อายุ 48 ปี สัญชาติจีน ภรรยาของนายเจ้า หราน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 37/2563 ลง 16 ม.ค. 2563
นางวิลาสินี ซู อายุ 50 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 38/2563 ลง 16 ม.ค.2563
น.ส.หล้า ขันติโย อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 39/2563 ลง 16 ม.ค.
2563 นายนิคม สิมารัตน์ อายุ 48 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 40/2563 ลง 16 ม.ค. 2563 นายธรรมนูญ หรือต๋อง ปัญจสังคม อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 41/2563 ลง 16 ม.ค. 2563 น.ส.ศิญาพรหรือแขก สวัสดิ์พันธ์ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 42/2563 ลง 16 ม.ค. 2563น.ส.วิยะดาหรือหนิง เชื้อจันทร์ อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 43/2563 ลง 16 ม.ค. 2563 นางสายบัว แจ่มมี อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 45/2563 ลง 16 ม.ค. 2563 และผู้ต้องหารายที่ 10 ยังหลบหนีอยู่ต่างประเทศ
ทั้งหมดถูกตั้งข้อหา "สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทาผิดร้ายแรงอันเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ" ข้อหา "ร่วมกันดาเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้า" และข้อหา "ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาหรือไขข่าวให้แพร่หลายด้วยประการใด ๆ เกยี่ วกับการตั้งครรภ์แทนว่ามี หญิงที่ประสงค์จะเป็นผู้รับตั้งครรภ์แทนผู้อื่นหรือมีบุคคลที่ประสงค์จะให้หญิงอนื่เป็นผู้รับ ตั้งครรภ์แทน ไม่ว่าจะได้กระทาเพื่อประโยชน์ทางการค้าหรือไม่ก็ตาม
พล.ต.ต.ต่อศักดิ์.กล่าวว่ากรมสนับสนุนบริการสุขภาพกระทรวงสาธารณสุขได้ร้องทุกข์กับตำรวจ บก.ปคม. เกี่ยวกับการรับจ้างตั้งครรภ์แทนโดยผิด กฎหมาย มีลักษณะเป็นเครือข่ายขบวนการขนาดใหญ่ที่มีการกระทาผิดในลักษณะเป็นองค์กร อาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการ เจริญพันธุ์ทางการแพทย์ 2558 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคม. จึงดำเนินการสืบสวนสอบสวนจนทราบไดว่ากลุ่มนายทุนสัญชาติจีน เป็นหัวหน้าขบวนการอุ้มบุญข้ามชาติ ได้ว่าจ้างกลุ่มนายหน้าซึ่งเป็นคนไทยติดต่อ แนะนำ ชักชวน ให้หญิงไทยมารับจ้างตั้งครรภ์แทน โดยจะได้รับค่าจ้าง ประมาณ 300,000–450,000 บาท ต่อการตั้งครรภ์แทน 1 ครั้ง หากหญิงไทยตกลงที่จะรับจ้างตั้งครรภ์แทนกลุ่มนายหน้าจะแบ่งหน้าที่กันทำงาน โดยการพาหญิงไทยที่ รับจ้างตั้งครรภ์แทนเดินทางไปปลูกฝั่งตัวอ่อนที่คลินิกแห่งหนึ่งในประเทศลาวและประเทศกัมพูชา หลังจากนั้นจะพามาฝากครรภ์และคลอดบุตรที่โรงพยาบาลในประเทศไทย
พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ กล่าวต่อว่าแต่ในบางครั้งกลุ่มนายหน้าจะพาหญิงไทยที่รับจ้างตั้งครรภ์แทนเดินทางไปคลอดบุตรที่ประเทศจีน โดยกลุ่ม นายหน้าเหล่านี้จะเป็นผู้ดาเนินการเรื่องเอกสารการคลอดตลอดจนค่าใช้จ่ายในการดาเนินการ ทั้งหมดหลังจากนั้นกจ็ะพาเด็กที่เกิดจากการรับจ้างอุ้มบุญเดินทางไปส่งให้กับบุคคลที่อ้างว่าเป็นพ่อที่ประเทศจีน และเมื่อตรวจสอบข้อมูลการเดินทางของเด็กที่นำไปส่งที่ประเทศจีน ก็ไม่พบข้อมูลการ เดินทางกลับเข้ามาประเทศไทยอีกแต่อย่างใด เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมดแล้วหญิงไทยที่รับจ้างตั้งครรภ์แทนจึงจะได้รับค่าตอบแทน
พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ กล่าวต่อว่าจากการสืบสวนยังพบอีกว่ากลุ่มผู้กระทำความผิดมีการเปิดบริษัทบังหน้าเพื่อปกปิดการกระทำความผิดในการว่าจ้างหญิงไทยให้ทาการตั้งครรภ์แทนตั้งแต่ปี 2555 โดยพบข้อมูลหญิง ที่รับจ้างตั้งครรภ์แทนจำนวนมากกระจายอยู่ตามจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ เบื้องต้นคาดว่าไม่ต่ำกว่า 100 ราย และในวันนี้ก็ได้นำหญิงที่รับจ้างอุ้มบุญในเขต จ.ปทุมธานี มาสอบสวนขยายผล 8 ราย และพบว่ามีเด็กที่เกิดจากการตั้งครรภ์แทนที่มีการแจ้งเกิดและแจ้งรายชื่อเป็นผู้อาศัยอยู่ในทะเบียนบ้านของผู้ต้องหาด้วย 15 ราย สำหรับเด็กที่คลอดมาแล้ว ตรวจสอบพบว่าถูกอุ้มออกไปแล้ว เบื้องต้นคาดว่าไม่ต่ำกว่า 50 ราย ซึ่งต่อมาตามพยานหลักฐานดังกล่าว ศาลอาญาได้ออก หมายจับผู้ต้องหาในขบวนการไว้แล้วจำนวน 10 คน
พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ กล่าวต่อไปว่าผลการปฏิบัติการนอกจากการจับกุมผู้ต้องหาได้ 9 ราย แล้วได้ตรวจยึดทรัพย์สินซึ่งอาจเป็นทรัพย์ที่แปรสภาพมาจากการฟอกเงินที่ได้จากการกระทำผิดโดยมีรถยนต์ 16 รายการ มูลค่าประมาณ 15 ล้านบาท และมีบ้านพักและบริษัทของผู้ต้องหา ย่านลาดพร้าว 2 หลัง มูลค่าประมาณ 20 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มของผู้ต้องหามี ทรัพย์สินอื่นๆ ที่จะได้ตรวจสอบและตรวจยึดอีกว่า 100 ล้านบาท
ด้านพล.ต.ต.วรวัฒน์ กล่าวว่าได้เชิญตัวหญิงไทยซึ่งเป็นแม่อุ้มบุญมาสอบปากคำ 15 ราย ช่วยเหลือเด็ก ที่เกิดจากแม่อุ้มบุญ 2 คน เด็กอายุ 4 เดือน และเด็กอายุ 22 วัน การสืบสวนสอบสวนขยายผลท่านพล.ต.ต.ต่อศักดิ์ ได้มอบหมายให้ บก.ปคม. ดำเนินการสอบสวนหญิงไทยที่รับจ้างตั้งครรภ์ ซึ่งตรวจพบแล้ว 22 ราย เพื่อขยายผลจับกุมผู้กระทำผิดเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มนายหน้าชักชวนว่าจ้างให้หญิงมาตั้งครรภ์ หรือแพทย์ และบุคคลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรับจ้างอุ้มบุญ ซึ่งตรวจพบว่ามีกระจายหลาย กลุ่มอยู่ในหลายจังหวัด และดาเนินคดีกับ ผู้ที่โฆษณาชักชวนให้หญิงมารับจ้างอุ้มบุญ โดยเฉพาะการโฆษณาในเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นความผิด ตาม มาตรา 28 พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กซึ่งเกิดโดยอาศัย เทคโนโลยีฯ มีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
พล.ต.ต.วรวัฒน์ กล่าวต่อว่าขอฝากไปยังพ่อแม่ พี่น้อง ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะหญิงไทย อย่าหลงเชื่อการชักชวนให้ทางานแบบผิดกฎหมายโดย การรับจ้างอุ้มบุญ ซึ่งเป็นความผิดที่มีโทษร้ายแรง อัตราโทษสูง และขณะนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ประสานงานกับทางการจีน เพื่อพิสูจน์ทราบว่าเด็กที่เกิดจากการอุ้มบุญได้ออกไปเพื่อประโยชน์ด้านใด หากพบว่ามีการนาไปดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดอันเป็นความผิดฐานค้ามนุษย์ เช่นการนาไปตัดอวัยวะบางส่วนเพื่อรักษาผู้ว่าจ้างอุ้มบุญ พนักงานสอบสวนก็จะได้แจ้งข้อหา เพิ่มเติมกับกลุ่มผู้ต้องหาต่อไป
ทั้ง บก.ปคม. อยากประชาสัมพันธ์ให้หญิงไทยที่เคยรับจ้างอุ้มบุญมาแล้วเข้ามาให้ข้อมูลกับ บก.ปคม. หากว่าให้การเป็นประโยชน์ สามารถดำเนินคดีกับผู้ว่าจ้างคนสาคัญได้ก็จะกันไว้เป็นพยานจะได้ไม่ต้องตกเป็นผู้ต้องหาในคดี โดยสามารถติดต่อสอบถามได้ที่สายด่วนของ บก.ป คม. โทร.1191 หรือ เฟซบุ๊กเพจของกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ Facebook.com/ATPDPOLICE