"ดีเอสไอ" ขยายผลคดี Forex - 3D บุกค้น Maximus Gym ย่านพหลโยธิน หลังพบมีความเชื่อมโยงการกระทำผิด โดยยึดทรัพย์ทั้งสิ้น 57 รายการ มูลค่าประมาณ 3 ล้านบาท
สืบเนื่องจาก กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับกรณีประชาชนถูกหลอกลวงให้ร่วมลงทุนโดยนำเงินไปซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลต่างๆ โดยผ่านเฟซบุ๊กชื่อ Forex - 3D และบัญชีเฟซบุ๊กชื่อ Apiruk Krub ไว้เป็นคดีพิเศษที่ 153/2562 ซึ่งได้สนธิกำลังร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำหมายค้นเข้าตรวจสถานที่ทำการยึดทรัพย์สินที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามาจากการกระทำความผิดอย่างต่อเนื่องตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันนี้ (16 ม.ค.63) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ มอบหมายให้ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเข้าตรวจค้นสถานที่ออกกำลังกาย Maximus Gym (สาขา 00003) เลขที่ 288/105 ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ตามหมายค้นศาลอาญาที่ 27/2563 ลงวันที่ 16 ม.ค.2563 ซึ่งมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าสถานที่ออกกำลังกาย Maximus Gym (สาขา 00003) มีความเชื่อมโยงและเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในคดีดังกล่าว โดยได้ทำการยึดทรัพย์สินทั้งสิ้น 57 รายการ มูลค่าประมาณ 3 ล้านบาท ประกอบด้วย อุปกรณ์ออกกำลังกาย เครื่องปรับอากาศ โทรทัศน์ ลำโพง อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ จำนวน 1 ชุด เนื่องจากคดีความผิดที่สอบสวนในเรื่องนี้ เป็นความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ดีเอสไอจึงจะดำเนินการขยายผลตามกฎหมายฟอกเงินและพิจารณาดำเนินการตรวจสอบด้านภาษีตามประมวลรัษฎากรต่อไป
การดำเนินการดังกล่าวเป็นการอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชน ตามนโยบายของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ทั้งนี้ ผู้เสียหายทุกท่านสามารถลงทะเบียนข้อมูลผ่านระบบคิวอาร์โค้ดที่หน้าเว็บไซต์กรมสอบสวนคดีพิเศษ ตั้งแต่บัดนี้ - 28 ก.พ.63 เพื่อจะได้มีข้อมูลจำนวนผู้เสียหายและความเสียหาย และดีเอสไอขอย้ำเตือนไปยังผู้เสียหายและพยาน ขอให้ร่วมมือให้ข้อเท็จจริงแก่เจ้าหน้าที่เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปอย่างเป็นธรรม โดยเฉพาะผู้เสียหาย ขอให้ดำเนินการตามคำแนะนำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ขอให้มาแจ้งความร้องทุกข์โดยเร็วเพื่อไม่ให้เสียสิทธิได้รับการเฉลี่ยทรัพย์ อีกทั้งการดำเนินคดีอาญาภายหลังจากที่มีการสอบสวนคดีนี้เสร็จสิ้นไปแล้วอาจมีปัญหาในข้อกฎหมาย
ทั้งนี้ หากมีเบาะแสในเรื่องดังกล่าว สามารถแจ้งเบาะแสมายังดีเอสไอหรือโทรสายด่วน DSI Call Center 1202 (โทร.ฟรีทั่วประเทศ) โดยจะรักษาข้อมูลของผู้แจ้งเบาะแสเป็นความลับ