รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันจันทร์ที่ 13 มกราคม 2563 ตอน วิ่งไล่ลุง-เดินเชียร์ลุง เสียงสะท้อนคน 2 รุ่น
กิจกรรมกีฬาการเมือง “วิ่งไล่ลุง”กับ “เดินเชียร์ลุง”ผ่านไปแล้วด้วยความเรียบร้อย ไม่มีเหตุการณ์แทรกซ้อนใดๆให้เป็นปัญหาตามมา สรุปตัวเลขคนร่วมงาน ปรากฎว่าที่สวนรถไฟ คนมาวิ่งไล่ลุง หนาตากว่ามาเดินเชียร์ลุงที่สวนลุมพินี
รวมทั้งต่างจังหวัดที่มีการจัดงานวิ่งไล่ลุง มีมวลชนมาร่วมงานกันตามคาด คือจังหวัดไหนที่เป็นฐานเสียงของพรรคอนาคตใหม่และเพื่อไทย ก็จะเห็นยอดคนมาร่วมงานเยอะเป็นพิเศษ
เช่นที่เชียงใหม่ อ้างว่ามีคนมาวิ่งร่วมหมื่นกว่าคน แถมยังประกาศจัดงานรอบต่อไปครั้งที่สองในต้นเดือนกุมภาพันธ์
หรือที่จังหวัดอุบลราชธานี มีคนมาร่วมงานคึกคัก ส่วนใหญ่ใส่เสื้อแดงมาวิ่งกัน ซึ่งแม้ภาพออกมาไม่เหมือนกรุงเทพ ก็ไม่น่าแปลกใจเพราะพื้นที่อุบลราชธานีและภาคอีสานส่วนใหญ่ คนเสื้อแดงยังมีพลังเข้มข้นอยู่ คนอีสานยังนิยมทักษิณเหมือนเดิม
จะเห็นว่าในภาคอีสาน เพื่อไทยก็เป็นแชมป์ส. ส. จากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา การส่งกำลังพลออกมาร่วมกิจกรรมสร้างเครดิตให้พวกกันเอง คือเพื่อไทยช่วยอนาคตใหม่ขย่มลุงตู่ สำหรับส. ส. อีสานย่อมเป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้ว
โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับเจ๊. ด. คนดัง กำลังเดินแผนยึดเพื่อไทยคืนจากกลุ่ม คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เลยต้องเดินเกมต้องเอาใจส. ส. เพื่อไทยไว้เป็นฐานกำลัง
ดังนั้นยามนี้ใครมีผลงานที่เสียบแทงรัฐบาลได้ เจ๊ปู/เจ๊ ด. ควักให้เต็มที่ ส. ส. กับคนเสื้อแดงจึงคึกคักกับงานวิ่งไล่ลุง
เมื่อดูจำนวนคนวิ่งและคนเดินของสองงาน จากสองฝั่ง คือฝั่ง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พรรคอนาคตใหม่กับกลุ่มก๊วน กับอีกฟากหนึ่งที่นำโดยคนรักลุงตู่ อย่างนพ. เหรียญทอง แน่นหนา จะเห็นว่ามีคนร่วมงานจำนวนมากน้อยผิดกันแล้ว
นอกจากนั้น คนทั้งสองฝั่งในสองงาน ปรากฎมีคนมาร่วมมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน เพราะเป็นเวทีของคนสองยุคสองรุ่น คือคนหนุ่มสาว คนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ มาวิ่งที่สวนรถไฟ
ส่วนคนเดินเชียร์ เป็นคนรุ่นลุงรุ่นป้าเสียส่วนมาก ซึ่งมาปรากฎตัวพร้อมกับป้ายเชียร์ลุงตู่และรัฐบาล ที่แผ่นป้ายประเมินได้ว่าทำมาจากแหล่งเดียวกัน ทำให้เห็นว่าเดินเชียร์ลุง ก็มีการจัดตั้งคนมาเหมือนกัน ไม่ใช่พลังบริสุทธิ์ร้อยเปอร์เซ็นต์
นับจากนี้ไป ตัวเลขคนที่มางานวิ่งและเดิน คงจะถูกเก็บเอาไปคุยทับกัน และเอาไปใช้ในปฏิบัติการสงครามข่าวสารหลังจากนี้แน่
ซึ่งต่อไปใครจะทำอย่างไรพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐบาลลุงตู่ก็ไม่ควรจะตกหลุมพรางเกมนี้ เพราะถ้าขืนไปเล่นเกมด้วย ผลลัพธ์จะตกกับบ้านเมืองที่จะไม่สามารถหลุดพ้นจากปัญหาการแตกแยกแบ่งฝ่ายไม่ได้สักที
แต่ปัญหายิ่งจะถูกขยายและถูกถ่างออกไปยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ แทนที่ไฟความขัดแย้งจะดับลง กลับจะโหมกระพือขึ้น
กลุ่มที่ไม่พอใจรัฐบาลลุงตู่ ต้องแยกแยะให้ชัดเจน เพราะไม่ใช่จะมีแต่พวกขาประจำหน้าเดิมๆ อย่างก๊วนของธนาธร คนเสื้อแดง นปช. และเพื่อไทย คนที่ไปวิ่งไล่ลุงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า อีกจำนวนไม่น้อยที่ไปร่วมวิ่ง เป็นพลังบริสุทธิ์ที่เบื่อลุง
คนเหล่านั้นที่เป็นพลังบริสุทธิ์ มาเพราะเบื่อลุงอยากมาแสดงออก มาจับขับไล่ลุงซึ่งมีนัยความหมายเป็นพวกนักการเมืองที่เข้ามามีอำนาจบริหารประเทศชาติ ก็จ้องแต่จะแสวงหาประโยชน์เข้าตัวเอง ไม่ทุ่มเทเสียสละทำเพื่อบ้านเมือง
นี่คือสัญลักษณ์ในนามลุงที่คนมาวิ่งไล่ ไม่ใช่เฉพาะเจาะจงเป็นพลเอก ประยุทธ์ หรือลุงตู่ หากแต่เป็นลุงที่กินความหมายกว้างกว่า คือเป็นพวกหัวโบราณคร่ำครึ มะงุมมะงาหรากับความคิดล้าสมัย หลงอำนาจไม่ใส่ใจต่อต่อความเสมอภาค ปิดกั้นสิทธิเสรีภาพของประชาชน
การออกมาแสดงพลังสะท้อนไปถึงบรรดาลุงไปทั้งหลาย ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองในแง่ไม่ดี หรือให้ราคาแค่เป็นการเคลื่อนไหวของศัตรูทางการเมือง เพียงด้านเดียว แต่ควรนำไปคิดรับไปพิจารณาเพื่อแก้ไขถึงต้นเหตุมากกว่า
จะทำอย่างไร ไม่ให้คนมาวิ่งไล่ คำตอบง่ายก็คือ อย่าทำให้ประชาชนเบื่อและเซ็ง
ถ้านายกฯลุงตู่ ไม่อยากให้คนออกมาวิ่งไล่บ่อยๆอีก ก็ไม่ใช่เรื่องยาก แค่ต่อไปนี้ต้องลดเลิกเรื่องสำคัญๆที่ประชาชนพวกคนวิ่งไล่ลุงสะท้อนออกมา เช่นเรื่องทุจริตคอรัปชั่น ไม่ให้มีการเล่นพรรคเล่นพวก จะต้องหยุดเรื่องสองมาตราฐาน
ปัญหาประชาชนที่จะต้องเร่งเครื่องทำให้ได้ยิ่งเร็วได้ยิ่งดี ก็คือเรื่องแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนทั่วประเทศ ที่ตอนนี้เข้าขั้นหน้ามืดกันไปหมดทุกหย่อมหญ้าแล้ว
ทำเศรษฐกิจให้กระเตื้องขึ้นได้ ให้คนมีอยู่มีกิน คนไทยลืมตาอ้าปากได้ ลุงตู่ก็อยู่ต่อ และก็ไม่ต้องกังวลกับธนาธรพาคนมาวิ่งไล่
