MGR online - ตำรวจกองปราบปราบ บุกจับ “ปิญช์ มาลากุล ณ อยุธยา” อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และ ประชากรไทย หลอกผู้เสียหายให้ลงทุนโครงการก่อสร้างในประเทศเพื่อนบ้าน แล้วเชิดเงิน 5 ล้าน หนีไปบวชที่พะเยา
วันนี้ (5 ก.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบก.ป.พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบก.ป.สั่งการ พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม ผกก.4 บก.ป. พ.ต.ท.เนติ วงศ์กุหลาบ รอง ผกก.4 บก.ป. พ.ต.ท.มนูญ แก้วก่ำ รอง ผกก.4 บก.ป. พ.ต.ท.อนุชา ศรีส่าโรง สว.กก.4 บก.ป.นำกำลังจับกุม นายปิญช์ มาลากุล ณ อยุธยา อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 541 ซอยประวิทย์และเพื่อน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. ตามหมายจับศาลแขวงนครปฐม ที่ 147/2560 ลงวันที่ 5 มิถุนายน 2560 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง” ได้ที่วัดป่าห้วยบง ต.ทุ่งรวงทอง อ.จุน จ.พะเยา
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายว่า ถูก นายปิญช์ ซึ่งอ้างว่าได้รับสิทธิพิเศษจากรัฐบาลไทยให้เข้าไปลงทุนโครงการก่อสร้างในประเทศเพื่อนบ้าน โดยจะให้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนจำนวนมหาศาล ผู้เสียหายหลงเชื่อ เนื่องจากผู้ต้องหามีนามสกุลดัง แถมยังอ้างด้วยว่าสนิทกับผู้ใหญ่ในรัฐบาล คสช. จึงได้ร่วมลงทุนกับ นายปิญช์ จำนวน 5 ล้านบาท ต่อมาผู้เสียหายได้ทวงถามส่วนแบ่งผลกำไรจากการลงทุน แต่ นายปิญช์ ได้บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด จนกระทั่งไม่สามารถติดต่อได้ จึงมั่นใจว่าถูกโกงจึงเข้าแจ้งความ พนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์แก้ว จ.นครปฐม กระทั่งศาลออกหมายจับ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป. สืบทราบว่า นายปิญช์ ได้หลบหนีมาบวชพระอยู่ที่วัดป่าห้วยบง ต.ทุ่งรวงทอง อ.จุน จ.พะเยา จึงเข้าจับกุมดังกล่าว
สอบสวน นายปิญช์ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์แก้ว ดำเนินคดีต่อไป
สำหรับ นายปิญช์ นั้น เคยเป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชากรไทย โดยเมื่อวันที่ 10 ก.พ. 2553 เคยถูกจับกุมดำเนินคดีพร้อมกับ น.ส.จุฬาลักษณ์ ฟอสเตอร์ หรือ “หม่อมอุ๋มอิ๋ม” หลังอ้างตัวเป็นราชนิกุล เข้าไปขอเคลียร์ไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางเขน จับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบเอกสารที่มีตราประทับประจำราชสกุลที่ผู้ต้องหาแอบอ้าง ปรากฏว่า เป็นเอกสารปลอม จึงถูกดำเนินคดีข้อหาร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน ซึ่งทำให้ประชาชนหรือผู้อื่นได้รับความเสียหาย และใช้เอกสารปลอม
นอกจากนี้ ยังตรวจสอบพบอีกว่ามีผู้เสียหายที่ถูก นายปิญช์ หลอกลวงว่า สามารถวิ่งเต้นติดต่อผู้ใหญ่ในรัฐบาลให้ได้รับเหมาส่งอาหารให้กับเรือนจำทั่วประเทศได้ แต่มีค่าใช้จ่ายในการวิ่งเต้น ผู้เสียหายหลงเชื่อสูญเงิน 3 ล้านบาท และยังมีผู้เสียหายอีกรายหลายที่ถูกนายปิญช์หลอกลวงในลักษณะดังกล่าวกำลังทยอยเข้าแจ้งความดำเนินคดี
อย่างไรก็ตาม สำหรับคดีร่วมกับ น.ส.จุฬาลักษณ์ แอบอ้างใช้ตราประทับประจำราชสกุลปลอมนั้น ศาลพิพากษายกฟ้องคดีในส่วนของนายปิญช์ เนื่องจาก พยานหลักฐานที่นำสืบฟังไม่ได้ว่าจำเลยทำและใช้เอกสารปลอม อีกทั้งไม่มีพิรุธว่าได้รับประโยชน์จากการใช้หนังสือปลอมแต่อย่างใด และจำเลยก็ไม่ได้เป็นกลุ่มผู้ต้องหาคดีละเมิดลิขสิทธิ์ จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยแอบอ้างและดูหมิ่นฯ ตามฟ้อง ส่วน น.ส.จุฬาลักษณ์ ศาลอาญามีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกในความผิดฐานแอบอ้างและดูหมิ่นเบื้องสูง ในกรณีเดียวกันนี้รวม 2 สำนวน โดยสำนวนแรกศาลลงโทษจำคุก 3 ปี 2 เดือน สำนวนที่สองลงโทษจำคุก 2 ปี 8 เดือน