MGR Online - กองปราบปรามจับสาวใหญ่ตัวการหลอกขายโฉนดที่ดินย่านบางกะปิ เหยื่อหลงเชื่อสูญเงิน 19 ล้าน ก่อนหน้านี้รวบเพื่อนยกแก๊งแล้ว 5 ราย
วันนี้ (3 พ.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.00 น. พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. พ.ต.อ.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก. 1 บก.ป. และ พ.ต.ต.เจตนิพัทธ์ ศิริวัฒน์ สว.กก.1 บก.ป. แถลงผลจับกุม น.ส.กุลฑีรา คงเย็น อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99/19 ซอยพหลโยธิน 54 แยก 4 (วัดเกาะ) แขวงและเขตสายไหม กทม. ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1908/2560 ลงวันที่ 22 ส.ค. 2560 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม, ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม ได้ที่หน้าบ้านพักหลังดังกล่าว
พ.ต.ต.เจตนิพัทธ์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.ว่า ถูกกลุ่มคนร้าย 5 ราย ประกอบด้วย นายเชวงศักดิ์ จรเสมอ อายุ 52 ปี นายวิวัฒน์ ทักขพาณิชย์ อายุ 50 ปี นายธนบดี รักช่วย อายุ 61 ปี นางณสมนต์ แมงทับ และ น.ส.กุลฑีรา คงเย็น ทำทีเข้ามาเสนอขายที่ดินเนื้อที่ 4 ไร่ 2 งาน 70 ตารางวา โฉนดเลขที่ 37968 ต.คลองกุ่ม อ.บางกะปิ จ.พระนคร ให้ผู้เสียหายในราคา 100 ล้านบาท โดยนำสำเนาโฉนดที่ดินมาเพิ่มความน่าเชื่อถือด้วย
พ.ต.ต.เจตนิพัทธ์กล่าวต่อว่า เมื่อตกลงซื้อขายกันเรียบร้อยแล้ว ผู้เสียหายจึงจ่ายเงินมัดจำจำนวน 19 ล้านบาทให้ จากนั้นผู้เสียหายพบว่ากลุ่มคนร้ายไม่ใช่เจ้าของที่ดินตัวจริงจึงเข้าแจ้งความดังกล่าว ต่อมาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่าเงินจำนวนดังกล่าวถูกโอนไปยังบัญชีนายนายวิวัฒ ส่วนสำเนาโฉนดที่ดินที่กลุ่มคนร้ายเอามาแอบอ้างตรวจสอบแล้วพบว่ามีที่ดินอยู่จริงแต่ทางเจ้าของได้ขายไปแล้ว อีกทั้งเจ้าของที่ตัวจริงก็ไม่ทราบว่าสำเนาโฉนดไปอยู่กับคนร้ายได้อย่างไร
พ.ต.ต.เจตนิพัทธ์กล่าวอีกว่า ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ตามจับกุมผู้ต้องได้เกือบทั้งแก๊ง คงเหลือเพียง น.ส.กุลฑีรา ซึ่งทำหน้าที่ปลอมบัตรประชาชนขึ้นมาใหม่ เพื่อให้เป็นชื่อเดียวกับเจ้าของโฉนดที่ดินดังกล่าวและทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ กระทั่งติดตามจับกุม น.ส.กุลฑีรา ขณะย้อนกลับมาบ้านพักหลังหนีไปกบดานบ้านลูกที่ จ.ภูเก็ต ตอนนี้เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาแก๊งนี้ได้ครบหมดทุกคนแล้ว
สอบสวน น.ส.กุลฑีรารับสารภาพว่า ทำหน้าที่ปลอมบัตรประชาชนเป็นเจ้าของที่ดิน โดยได้รับส่วนแบ่งจากการหลอกขายที่ดินในคดีนี้รวมเป็นเงิน จำนวน 1.1 ล้านบาท จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.ดำเนินคดีต่อไป