ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ศาลฎีกาพิพากษายืน สั่งจำคุก 3 ปี “อนุวัฒน์” อดีตประธาน นปช.อีสานและแกนนำเสื้อแดงโคราช หมิ่นเบื้องสูง ไม่รอลงอาญา กรณีเหิมเกริมปราศรัยจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง บนเวที “นปช.ลั่นกลองรบ” ปี 2557
วันนี้ (8 มี.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 16 ชั้น 3 ศาลจังหวัดนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ผู้พิพากษาศาลจังหวัดนครราชสีมาขึ้นนั่งบัลลังก์ อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา โดยพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ให้จำคุก นายอนุวัฒ์ ทินราช อดีตประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ภาคอีสาน และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงโคราช เป็นเวลา 3 ปี ไม่รอลงอาญา ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
โดยภายหลังอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายอนุวัฒน์ไปฝากขังที่เรือนจำกลางนครราชสีมาทันที ท่ามกลางกลุ่มคนเสื้อแดงที่มาให้กำลังใจนายอนุวัฒน์ ต่างแสดงความเห็นใจและสงสาร
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2559 เวลา 10.20-10.35 น. นางกาญจนา ผาณิตมาส ผู้พิพากษาศาลจังหวัดนครราชสีมา ประจำบัลลังก์ที่ 16 ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีอาญาหมายเลขดำที่ 378/2558 คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 527/2559 ให้จำคุก นายอนุวัฒน์ ทินราช เป็นเวลา 3 ปี ในความผิด ใส่ร้าย หมิ่นประมาท ดูหมิ่นและอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
ต่อมา นายวิทยา เอมราช ทนายความนายอนุวัฒน์ ได้ยื่นฎีกาพร้อมประกันตัวนายอนุวัฒน์ออกมาสู้คดี กระทั่งมาวันนี้ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์
นายสมโภชน์ ปราสาทไทย อดีตแกนนำเสื้อแดงโคราช และอดีตผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา พรรคไทยรักไทย กล่าวว่า ตนได้เดินทางมาให้กำลังใจนายอนุวัฒน์ในการเข้ารับฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในวันนี้ ซึ่งทุกคนพอจะทราบก่อนหน้านี้แล้วและพร้อมน้อมรับคำตัดสินของศาลทุกประการ
คดีดังกล่าวสืบเนื่องจาก นายอนุวัฒ์ ทินราช ประธาน นปช.ภาคอีสาน และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงโคราช รวมทั้งขณะนั้นยังดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นตรราชสีมา ได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีประชุมแกนนำคนเสื้อแดงจากทั่วประเทศ ภายใต้ชื่อ “นปช.ลั่นกลองรบ” ที่อาคารลิตปพัลลภ ภายในสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อ.เมือง จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2557 เข้าข่ายจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันเบื้องสูงอย่างชัดเจน ซึ่งมีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์และมีการบันทึกคลิปวิดีโอเป็นหลักฐานด้วย