MGR Online - แกนนำ กปปส.พร้อมจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหากบฏ ยันเป็นการใช้สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ศาลนัดสืบพยานใหม่ 14 พ.ค.ปีหน้า
วันนี้ (25 มิ.ย.) ที่ห้องพิจารณา 814 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานคดีชุมนุม กปปส.ข้อหาร่วมกันเป็นกบฏและข้อหาอื่น พร้อมกันรวม 3 สำนวน ประกอบด้วย คดีหมายเลขดำที่ อ.247/2561 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 ยื่นฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อายุ 69 ปี ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) และอดีตเลขาธิการ กปปส. กับแกนนำ กปปส.เวทีจุดต่างๆ รวม 9 คน, คดีหมายเลขดำที่ อ.832/2561 ที่ยื่นฟ้องนางอัญชะลี ไพรีรัก อายุ 52 ปี อดีตพิธีกรเวทีชุมนุม กปปส., อดีตพระพุทธะอิสระ อายุ 58 ปี เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม และอดีตแกนนำ กปปส.เวทีแจ้งวัฒนะ กับแนวร่วม กปปส.รวม 14 คน และคดีหมายเลขดำที่ อ.1185/2561 ที่ยื่นฟ้อง ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ อายุ 60 ปี ผู้ประสานงานกองทัพธรรม และนายมั่นแม่น กะการดี อายุ 38 ปี แนวร่วมกองทัพธรรม โดยทั้ง 3 สำนวนได้ยื่นฟ้องเมื่อต้นปี 2561
อัยการฟ้องจำเลยในความผิดฐานร่วมกันกบฏ, สนับสนุนกบฏ, ร่วมกันก่อการร้าย (ฟ้องเฉพาะนายสุเทพ กับ นายชุมพล จุลใส 48 ปี แกนนำ กปปส.เวทีแยกราชประสงค์), ขัดขวางการเลือกตั้งฯ และข้อหาอื่นรวม 8-9 ข้อหา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113, 116, 117, 135/1, 209 , 210, 215, 216, 362, 364, 365, พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ. 2550 มาตรา 76, 152 ประกอบมาตรา 83, 86, 91 จากการร่วมชุมนุมกันของ กปปส.ที่มีนายสุเทพ เป็นผู้นำการชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อระหว่างวันที่ 23 พ.ย. 2556 - 1 พ.ค. 2557 ซึ่งมีการพาผู้ชุมนุมบุกรุกปิดสถานที่ราชการหลายแห่ง รวมทั้งขัดขวางการเลือกตั้ง ซึ่งท้ายคำฟ้องอัยการโจทก์ยังได้ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งของจำเลยด้วยมีกำหนด 5 ปี
ในวันนี้อัยการโจทก์, นายสุเทพพร้อมแกนนำและแนวร่วม กปปส.ที่ถูกฟ้องเป็นจำเลยซึ่งได้รับการประกันตัวเดินทางมาศาลพร้อมทนายความ ส่วนอดีตพระพุทธะอิสระที่ถูกคุมขังระหว่างการฝากขังเนื่องจากเป็นผู้ต้องหาในคดีปลอมพระปรมาภิไธย และคดีทำร้ายเจ้าหน้าที่ ถูกเบิกตัวจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ โดยนั่งรถเข็นมายังห้องพิจารณาด้วยสีหน้าปกติ
ศาลอ่านคำฟ้องของอัยการให้จำเลยทั้งหมดฟัง สรุปได้ว่า จำเลยกับพวกได้ปราศรัยชักชวนกันขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ใช่ความมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญ เพื่อไม่ให้รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินได้ จัดหาชายฉกรรจ์เป็นกองกำลังไล่ล่าจับตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ และรัฐมนตรี ชักชวนหน่วยงานราชการและเอกชนหยุดงาน ไม่จ่ายภาษี มีการชุมนุมปิดถนน ปิดกรุงเทพฯ ตัดน้ำตัดไฟหน่วยงานราชการ บุกรุกสถานที่ราชการ มุ่งหมายให้รัฐบาลหยุดปฏิบัติหน้าที่ มีกองกำลังใช้อาวุธ ก่อการร้ายโดยเข้าควบคุมระบบสื่อสารโทรคมนาคมที่ทีโอที เมื่อมีการประกาศการเลือกตั้ง พวกจำเลยได้ดำเนินการไม่ให้มีการสมัครรับเลือกตั้ง ไม่ให้ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งเข้าใช้สิทธิโดยปิดกั้นหน่วยเลือกตั้ง ปราศรัยว่า กปปส.จะใช้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์แต่งตั้งนายกฯ และคณะรัฐมนตรีขึ้นเอง เป็นการเปลี่ยนแปลงล้มล้างรัฐธรรมนูญ ทำให้เกิดความปั่นป่วนกระด้างกระเดื่อง
หลังอ่านคำฟ้องแล้ว จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยนายสุเทพ จำเลยที่ 1 แถลงต่อศาลระบุว่า การชุมนุมเป็นการใช้สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ รัฐบาลในขณะนั้นเป็นปฏิปักษ์กับรัฐธรรมนูญ ใช้อำนาจฉ้อฉลปล้นประเทศ พวกตนจึงใช้สิทธิพลเมืองในการต่อต้านรัฐบาลที่เป็นทรราชย์ หากปล่อยไว้จะเกิดความเสียหายไม่สิ้นสุด และขอให้ศาลอาญาส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป นอกจากนี้จำเลยรายอื่นๆ เช่น นายแก้วสรร อติโพธิ, นายสาธิต เซกัลป์, นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตพระพุทธะอิสระ, ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ และ พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี ได้แถลงต่อศาลทำนองยืนยันว่าการที่จำเลยชุมนุมเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ เป็นไปโดยสงบ ปราศจากอาวุธ ได้รับความคุ้มครอง และขอให้ศาลอาญาส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยประเด็นการชุมนุมด้วย ทั้งยังตั้งคำถามต่อการนิยามข้อหากบฏของอัยการว่าต้องมีพฤติการณ์อย่างไร และต้องการให้อัยการโจทก์ระบุพฤติการณ์ของจำเลยแต่ละรายให้ชัดเจน ไม่ควรเหมารวม
ทั้งนี้ นายสุเทพยังได้ถามอัยการเพื่อให้ยืนยันต่อศาลว่า ผู้ต้องหาคดีกบฏ กปปส.ที่เหลืออีก 28 คน จะฟ้องได้หมดเมื่อไหร่ โดยพนักงานอัยการได้ชี้แจงว่าจากที่คุยกับทนายความจำเลยมีบางรายยังอยู่ระหว่างการพิจารณาขอเงินประกันตัวจากกองทุนยุติธรรมที่รออนุมัติอยู่ และผู้บังคับบัญชาอนุญาตให้เลื่อน จึงยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะฟ้องได้เมื่อไหร่
ขณะที่อดีตพระพุทธะอิสระก็ได้ใช้สิทธิแถลงต่อศาลด้วยว่า ทุกวันนี้ผู้ต้องขังล้นคุกเป็นภาระรัฐบาลในการเลี้ยงดู อย่างห้องเรือนจำที่ตนถูกคุมขังอยู่ก็ไม่กว้างมาก บางวันก็ต้องนอนรวมกัน 30-50 คน สาธารณูปโภคก็ไม่ได้ดีนัก เราไม่ได้เป็นคนทำร้ายชาติ แต่พอคนโกงหมื่นล้าน ศาลลงโทษติดคุก 1-2 ปี อัยการก็ไม่ตามอุทธรณ์ อย่างคดีเล็กน้อยบางครั้ง คนไม่มีเงินประกันไม่มีเงินสู้คดีก็สารภาพเพื่อจะได้ลดโทษ พอออกจากคุกไปก็ไม่ได้โอกาสในการทำงาน พุทธะอิสระไม่ได้กลัวติดคุกเพราะติดแล้ว แต่สงสารคนที่ยังไม่ได้ติดคุก ศาลนัดสืบพยานคดีกบฏ กปปส.14 พ.ค.ปีหน้า
ภายหลังนายสุเทพให้สัมภาษณ์ว่า ศาลได้นัดพร้อมเพื่อตรวจพยาน ซึ่งพวกตนถูกฟ้องด้วยกัน 3 คดี คดีชุดแรกเป็นแกนนำ กปปส. 9 คน มีตนเป็นจำเลยที่ 1 ชุดที่สองจำนวน 14 มี น.ส.อัญชะลี เป็นจำเลยที่ 1 ชุดที่สามมีจำนวน 2 คน ร.ต.แซมดิน กับนายมั่นแม่น เป็นจำเลย จากนั้นศาลอ่านข้อกล่าวหาให้จำเลยทั้งหมดฟัง ซึ่งจำเลยทุกคนให้การปฏิเสธ พร้อมแถลงต่อศาลว่า ไม่ได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหาที่อัยการสั่งฟ้อง แต่จำเลยกระทำการดังกล่าวเพื่อพิทักษ์ปกป้องรัฐธรรมนูญในขณะนั้น เนื่องจากรัฐบาลมีลักษณะเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐธรรมนูญกล่าวคือ ใช้อำนาจโดยมิชอบเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้อง ดังนั้นเมื่อเห็นว่ารัฐธรรมนูญถูกละเมิดด้วยเหตุผลต่างๆ จึงเป็นสิทธิของประชาชนที่จะลุกขึ้นปกป้องรัฐธรรมนูญและการต่อสู้ของประชาชนก็เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่คุ้มครองไว้ พวกจำเลยได้ดำเนินการชุมนุมดังกล่าว เมื่อปี 2556-2557 โดยเป็นการต่อสู้ด้วยสันติวิธีไม่มีอาวุธ เป็นไปโดยสงบ