MGR Online - รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผยตรวจพบโรงงานลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ผิดกฎหมาย 13 บริษัท 33 โรงงาน มีขยะรวมกันกว่า 5 แสนตัน ส่วนใหญ่มีชาวต่างชาติเป็นเจ้าของ เล็งใช้ ม.44 กวาดล้างให้สิ้นซาก
วันนี้ (23 มิ.ย.) เวลา 09.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดร.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) และ โฆษก ตร. แถลงผลความคืบหน้าการเดินหน้ากำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ และแก้ไขปัญหามลพิษขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่นำเข้าจากต่างประเทศแบบยั่งยืน
โดย พล.ต.อ.ดร.วิระชัยกล่าวว่า สืบเนื่องกรณีชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจากโรงงานกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ จึงร้องเรียนเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาคีเครือข่าย เข้าตรวจสอบ 19 บริษัท 33 โรงงาน พบว่ามีการลักลอบนำขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย และมีขยะอิเล็กทรอนิกส์ไม่น้อยกว่า 5 แสนตัน รวมถึงยังไม่มีการวางระบบคัดกรองตามมาตรฐาน ไม่มีบ่อบำบัดน้ำเสีย ไม่มีที่ดักจับฝุ่นละออง การกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ไม่ถูกลักษณะ โดยประมาณ 95 เปอร์เซ็นต์เป็นบริษัทของชาวต่างชาติ ส่วนคนไทยจะช่วยทำเอกสารบัญชีสำแดงเท็จยื่นต่อเจ้าหน้าที่เพื่อลักลอบนำขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้าประเทศไทยและไม่เสียภาษีอากรถูกต้อง อีกทั้งพบว่ามีสารพิษตกค้างจำนวนมากแพร่กระจายลงสู่พื้นดินและแหล่งน้ำ
“พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษเรื่องภัยอันตรายต่อความมั่นคงทางสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ไม่อนุญาตให้บริษัทต่างชาตินำขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาทิ้งในประเทศไทย หากยังไม่มีกฎหมายฉบับใดเอาผิดได้ก็จะเสนอ ม.44 เพื่อหยุดยั้งและกวาดล้างการนำขยะอิเล็กทรอนิกส์ออกนอกประเทศต่อไป เนื่องจากส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและเยาวชนในอนาคต”
สำหรับการสำแดงเท็จ ตามความผิด พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 จะดำเนินการต่อผู้เกี่ยวข้องทั้งคนต่างชาติ และคนไทยที่มีส่วนรู้เห็น ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือ ปรับ 5 เท่าในการนำขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือทั้งจำทั้งปรับ และบริษัทต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการส่งกลับประเทศต้นทาง พร้อมประสาน ปปง.เพื่อเอาผิดคดีฟอกเงินเพิ่มเติมด้วย