MGR Online - รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว แถลงจับ 4 นายหน้า หลอกคนไทยร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังขยายการจับกุมจากฟิลิปปินส์ พร้อมขยายผลต่อจากที่ถูกจับในจีน กัมพูชา ดูไบ เชื่อมีนายหน้าอีกหลายคน “บิ๊กโจ๊ก” ยันคอลเซ็นเตอร์ในไทยไม่มีแล้ว เตรียมกวาดล้างแก๊งโรแมนซ์สแกม-เงินกู้ดอกเบี้ยโหดให้สิ้นซาก
วันนี้ (21 มิ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบช.ทท.) แถลงการจับกุม น.ส.วิวรรณ ญาณเรือง อายุ 52 ปี ชาว จ.อุดรธานี, นายสุรัตน์ เทียนไชย อายุ 47 ปี ชาว จ.สุโขทัย, น.ส.ณัฐดาว สุกิมานิล อายุ 48 ปี ชาว จ.สุรินทร์ และ น.ส.วนิดา เล้าอรุณ อายุ 35 ปี ชาว จ.นนทบุรี ผู้ต้องหาร่วมกันเป็นนายหน้าชักชวนคนไปทำงานเป็นพนักงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ประเทศฟิลิปปินส์ พร้อมยึดของกลางบัญชีธนาคาร, หนังสือเดินทางพาสปอร์ต, โทรศัพท์มือถือจำนวนหนึ่ง จากการสอบปากคำ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้รับการติดต่อจากนายผายกู๋ ชาวไต้หวัน หัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อจัดหาคนไปทำงานเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ที่ประเทศฟิลิปปินส์ โดยจะได้ค่านายหน้าในการจัดหาคนไปทำงานรายละ 10,000 บาท และมีค่าเปอร์เซ็นต์ให้อีก 4 เปอร์เซ็นต์
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวว่า การจับกุมดังกล่าว สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บุกเข้าจับกุมและทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลางกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ สามารถจับกุมผู้ต้องหาชาวไทย จำนวน 16 ราย และชาวไต้หวัน 3 ราย จึงสืบสวนขยายผล ตรวจเช็กโทรศัพท์มือถือจนนำมาสู่การจับกุม โดยจากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหาทำมานานกว่า 4-5 ปีแล้ว ยืนยันว่าขบวนการคอลเซ็นเตอร์ในไทยไม่มีหลงเหลือแล้วจะดำเนินการสืบสวนจับกุมให้สุดซอยไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม กลุ่มคนร้ายไม่กล้าหลอกคนไทยในแผ่นดินไทย แล้วหันไปหลอกลวงชาติอื่นแทน เจ้าหน้าที่ก็จะทำการสืบสวนขยายผลต่อเนื่อง โดยเฉพาะรอการสอบปากคำผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมที่ประเทศจีน กัมพูชา ดูไบ เนื่องจากมั่นใจว่ายังมีนายหน้าที่หลอกคนไทยไปทำงานในลักษณะเดียวกันอีก พร้อมเตือนไปยังผู้ที่มีพฤติกรรมดังกล่าวขอให้เลิกทั้งหมด ไม่เช่นนั้นจะต้องถูกดำเนินคดี
จากการสอบสวนนายสุรัตน์ผู้ต้องหาซึ่งทำหน้าที่เป็นล่าม กล่าวว่า ได้คุยกับหัวหน้าแก๊งผ่านทางแอปพลิเคชันวีแชต ส่วนการชักชวนเหยื่อจะบอกกับเหยื่อโดยตรงว่าจะพาไปทำงานเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์โดยให้ค่าตอบแทนที่สูง ตั้งแต่เดือนละ 25,000-30,000 บาท โดยนายหน้าบางคนไปทำเพียง 5 เดือน ได้เงินค่าจ้าง ค่าคอมมิชชัน กว่า 1 ล้านบาท ขณะที่บางส่วนถูกหลอกว่าไปทำงานเป็นคนสวนในฟิลิปปินส์ เหยื่อบางรายมีทั้งเต็มใจและถูกหลอก เบื้องต้นตำรวจได้ดำเนินคดีข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ร่วมกันเป็นอั้งยี่ซ่องโจร ร่วมกันมีส่วนตาม พ.ร.บ.องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ เป็นบทลงโทษหนัก
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวว่า นอกจากขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์แล้ว ตำรวจจะเดินหน้ากวาดล้างจับกุมแก๊งโรแมนซ์สแกม และดอกเบี้ยเงินกู้นอกระบบให้หมดไปจากประเทศไทย และจะดำเนินคดีฐานฉ้อโกงประชาชน อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ฟอกเงินฯ ซึ่งได้ประสานกับ ปปง.ตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมดแล้ว