MGR Online - ผบ.ตร.-ปปง.-ตัวแทนธนาคาร แถลงคืนเงินที่อายัดได้ให้แก่ประชาชนครั้งที่ 11 จำนวน 11 รายจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมกว่า 1 ล้านบาท ระบุสถิติการก่อเหตุย้อนหลัง 6 เดือนมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง
วันนี้ (11 เม.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร., พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. นายพีระพัฒน์ อิงพงษ์พันธุ์ ผอ.กองคดี 1 ในฐานะรองโฆษก สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจและตัวแทนธนาคารต่างๆ แถลงข่าวมาตรการคืนเงินที่อายัดได้ให้แก่ประชาชนครั้งที่ 11 จำนวน 11 ราย รวมเงินกว่า 1,056,149.18 บาท โดยในจำนวนนี้เจ้าหน้าที่สามารถอายัดเงินของผู้เสียหายได้เต็มจำนวน 4 ราย
พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ตำรวจยังคงเดินหน้าปราบปรามอย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ ที่ผ่านมามีการจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวนมาก และตำรวจได้เฝ้าระวังติดตามพฤติกรรมของแก๊งต่างๆ ทุกวันนี้จับลดน้อยลงแล้ว ถ้าตำรวจเข้มงวดต่อไปคนร้ายคงจะปรับเปลี่ยนวิธีการก่อเหตุแบบใหม่มากขึ้น ที่ผ่านมาพอใจผลการปฏิบัติงาน ถือว่าประสบความสำเร็จน่าพอใจอย่างยิ่ง สำหรับการคืนเงินไม่อยากให้มองว่าเป็นเงินจำนวนมากหรือเงินจำนวนน้อย จะกี่บาทตำรวจก็ตามคืนมาให้หมด เรื่องนี้ได้กำชับให้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ไปดำเนินการแล้ว อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ผู้เสียหายรู้ตัวว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง สามารถโทร.มาแจ้งสายด่วน 1710 หรือ 1155
ด้าน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวว่า สำหรับสถิติการก่อเหตุย้อนหลัง 6 เดือนของแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง โดยเดือนพฤศจิกายน 2560 พบว่ามีจำนวนการก่อเหตุลดลงเหลือเพียง 73 คดี, เดือนธันวาคม 2560 จำนวน 66 คดี, เดือนมกราคม 2561 จำนวน 65 คดี, เดือนกุมภาพันธ์ 2561 จำนวน 36 คดี, เดือนมีนาคม 2561 จำนวน 28 คดี และเดือนเมษายนยังไม่พบการก่อเหตุแต่อย่างใด เป็นตัวชี้วัดที่เห็นชัด ทุกวันนี้คนไทยไม่ใครกล้าทำแล้ว
นายพีระพัฒน์กล่าวว่า ปปง.เน้นย้ำเรื่องการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลและช่องทางการอายัดเงินคืน ทั้งนี้ฝากเตือนคนร้ายอย่าคิดได้เงินจากการก่อเหตุมาให้ครอบครัวแล้วจะจบ เพราะ ปปง.จะตรวจสอบเส้นทางการเงิน หากพบว่านำเงินไปซื้อบ้าน ซื้อรถ ต้องตามอายัดเอาคืนจากพ่อ แม่ บุตร ครอบครัวทั้งหมด นอกจากนี้จะมีความผิดฐานฟอกเงินด้วย มีโทษจำคุกถึง 10 ปี