MGR Online - ตำรวจท่องเที่ยวแถลงจับชาวเวียดนาม ตระเวนกรีดกระเป๋านักท่องเที่ยวในห้างสรรพสินค้าย่านประตูน้ำ วัดพระแก้ว พร้อมกำลังเข้าตรวจค้นแฟลตดินแดง แหล่งพำนักของชาวเวียดนาม ควบคุมตัวได้ 15 ราย คาดเชื่อมโยงกระทำผิด
วันนี้ (15 มิ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว แถลงผลการจับกุม น.ส.เหงียน ทีเหย อายุ 56 ปี และ น.ส.เล ตี ทู เฮียน อายุ 34 ปี ชาวเวียดนาม ได้ที่บริเวณหน้าอาคารยิ้มยิ้มเพลส ซ.ชานเมือง 4 ย่านดินแดง หลังพบว่ามีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับแก๊งกรีดกระเป๋า ตระเวนก่อเหตุกับนักท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยว เช่น ห้างสรรพสินค้าย่านประตูน้ำ วัดพระแก้ว
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวว่า สำหรับ น.ส.เหงียน ทีเหย เป็นผู้รับซื้อโทรศัพท์จากแก๊งกรีดกระเป๋าชาวเวียดนาม และมีหมายจับของศาลอาญา ขณะที่ น.ส.เล ตี ตู เฮียน ซึ่งเคยถูกดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์ ตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ 239/2558 ลงวันที่ 4 เม.ย. 2558 ซึ่งขณะนั้นใช้ชื่อ เหงียน ทูที ตำ และถูกกำหนดสถานะเป็นบุคคลต้องห้าม หลังเดินทางออกนอกประเทศได้มีการเปลี่ยนชื่อและทำหนังสือเดินทางใหม่ที่ประเทศเวียดนาม ก่อนเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยเพื่อเตรียมก่อเหตุล้วงกระเป๋า แต่ถูกจับกุมตัวได้ก่อน
รอง ผบช.ทท.กล่าวว่า สำหรับพฤติการณ์ก่อเหตุแก๊งกรีดกระเป๋าชาวเวียดนามจะทำเป็นขบวนการ กระจายตามจุดต่างๆ มีหลายวิธี อาทิ เอาใบมีดโกนซ่อนไว้ในปาก มีอีกคนทำให้เหยื่อสนใจ อีกคนเป็นคนรับทรัพย์สิน โดยแก๊งดังกล่าวมีการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ได้ทรัพย์สินครั้งละกว่า 1 หมื่นบาท หลังได้ทรัพย์สินจะเอาทรัพย์สินไปขายยังประเทศเวียดนาม หรือขายให้คนเวียดนามในประเทศไทย
“คนร้ายบางรายถูกจับกุมไปหลายครั้ง และถูกผลักดันออกนอกประเทศไปแล้ว แต่กลับไปเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนหนังสือเดินทาง ก่อนจะกลับมาก่อเหตุในประเทศไทยโดยใช้ช่องทางปกติ นอกจากนี้ยังดำเนินคดีกับเจ้าของแฟลตในข้อหาให้ที่พักพิงกับชาวต่างด้าวโดยไม่แจ้งให้เจ้าหน้าที่ ตม.ทราบภายใน 24 ชั่วโมง และได้ประสานกับสำนักงาน ปปง.ให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของแก๊งดังกล่าว รวมทั้งได้ประสานกับ สตม.ให้ขึ้นบัญชีเป็นบุคคลต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักรด้วย” รอง ผบช.ทท.ระบุ
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้นำกำลังเข้าตรวจค้นแฟลตดินแดง แหล่งพำนักของชาวเวียดนาม และได้ควบคุมตัวชาวเวียดนามจำนวน 15 รายเพื่อมาทำประวัติ เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอไว้เป็นฐานข้อมูล เนื่องจากคาดว่ากลุ่มคนเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกับผู้ต้องหา 2 รายที่จับได้ก่อนหน้านี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีบางรายใช้พาสปอร์ตปลอม มีการเปลี่ยนชื่อ นามสกุล และพักอยู่ในประเทศไทยเกินกกำหนด 3 คน และยังพบว่าชาวเวียดนามกลุ่มดังกล่าวไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง บางรายเข้ามาอยู่ในไทยนานถึง 30 ปี