xs
xsm
sm
md
lg

ซ้ำรอยเณรคำ “อดีตพระพรหมเมธี” รอเยอรมนีไฟเขียวลี้ภัย กองปราบแจ้งจับ"สีกาจุ๋ม"และพวกช่วยหนี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - ส่อยืดเยื้อ! นำตัว “พระพรหมเมธี” กลับมาดำเนินคดีในไทย หลังเจ้าตัวยื่นเรื่องขอลี้ภัย กองปราบฯ เจ้าของสำนวนคดียังไม่ได้รับคำตอบจากทีม ผบ.ตร. เร่งประสานกองการต่างประเทศ ปปง. ตรวจสอบว่าไทยกับเยอรมนีมีความร่วมมือดำเนินคดีฟอกเงินระหว่างประเทศหรือไม่

วานนี้ (5 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการติดตามตัวพระจำนงค์ เอี่ยมอินทรา หรืออดีตพระพรหมเมธี อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร ที่หลบหนีไปประเทศเยอรมนีว่า จนถึงขณะนี้กองปราบปรามในฐานะเจ้าของสำนวนการสอบสวนคดีเงินทอนวัด ยังไม่ได้รับการประสานงานจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ที่นำคณะตำรวจไทยเดินทางไปประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเยอรมนี ว่า จะนำตัวอดีตพระพรหมเมธี ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฟอกเงินเดินทางกลับมาถึงเมืองไทยเมื่อไหร่

ทั้งนี้ ตามกำหนดการล่าสุดของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ และคณะ จะเดินทางกลับมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในเวลา 06.25 น.ของวันที่ 7 มิ.ย. โดยจะออกเดินทางจากสนามบินกรุงแฟรงก์เฟิร์ต เวลา 14.45 น.ของวันที่ 6 มิ.ย. ตามเวลาท้องถิ่น

ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯได้ประสานงานไปยังกองการต่างประเทศ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อตรวจสอบว่าไทยกับเยอรมนีมีความร่วมมือกันหรือไม่ เกี่ยวกับการดำเนินคดีฟอกเงินระหว่างประเทศ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ

แหล่งข่าวระดับสูงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การนำตัวพระพรหมเมธีกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย อาจจะต้องใช้เวลานานกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ เป็นไปได้ที่จะต้องจัดการเกี่ยวกับเรื่องเอกสาร ส่วนกระแสข่าวที่ว่าพระพรหมเมธีมีการขอยื่นลี้ภัยทางการเมืองนั้น ตามขั้นตอนผู้ต้องหารายนี้ก็สามารถที่จะทำได้ อยู่ที่ทางการเยอรมนีจะรับพิจารณาหรือไม่ คล้ายกับกรณีคดีของเณรคำ ซึ่งกรณีนี้ในฐานะตำรวจไม่สามารถแสดงความเห็นได้ อย่างไรก็ตาม ตำรวจไทยมีความพยายามที่จะนำตัวกลับมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุดตามขั้นตอน

มีรายงานว่า ในส่วนของสำนวนการสอบสวนคดีเงินทอนวัดนั้น ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมากแล้วเหลือเพียงการตรวจสอบเอกสารที่ยึดมาได้จากการตรวจค้นวัดต่างๆ พร้อมกันนี้ พนักงานสอบสวนยังได้ประสานงานเจ้าหน้าที่ ปปง.ให้อายัดบัญชีธนาคารทุกบัญชีที่เป็นบัญชีส่วนตัวของผู้ต้องหาทั้งหมด ทั้งที่เป็นพระและเป็นฆราวาสเป็นเวลา 90 วัน แต่ไม่ได้อายัดบัญชีของวัด เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินอย่างละเอียด โดยมีรายงานด้วยว่า จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดสามพระยาวรวิหาร พนักงานสอบสวนเตรียมที่จะออกหมายจับผู้ต้องหาอีกอย่างน้อย 2 คนที่เกี่ยวกับการทุจริตเงินทอนวัดหลังพบว่าสองสามีภรรยาเจ้าของร้านสังฆภัณฑ์แห่งหนึ่ง มีเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับวัดสามพระยาและไม่สามารถชี้แจงที่มาที่ไปได้ ซึ่งเป็นเงินจำนวนมากถึง 3 ล้านบาท

ส่วนการดำเนินคดีต่อผู้ที่ให้ความช่วยเหลือพระพรหมเมธีหลบหนีออกนอกประเทศนั้น จนถึงขณะนี้มีรายงานว่า กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนกองปราบปรามเข้าพบ พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม (ผบก.ภ.จ.นครพนม) เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหาชาวไทย 2 คน และชาวลาวอีก 3 คน ฐานกระทำความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 189 ที่ระบุว่า ผู้ใดช่วยผู้อื่น ซึงเป็นผู้กระทำความผิด เพื่อไม่ให้ต้องโทษหรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใดเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยมีรายงานว่า ผู้ที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีนั้น ประกอบด้วย นางจันทนา และลูกชาย ชาวลาว 2 คน ส่วนคนไทย 2 คน ประกอบด้วย สีกาจุ๋ม เจ้าแม่ตลาดหุ้น และนายโค้ด หลานชายของอดีตพระพรหมเมธี ที่เป็นผู้ติดตามไปประเทศเยอรมนี แต่ขณะนี้ยังไม่ออกหมายจับ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามปฏิเสธที่จะให้รายละเอียด โดยระบุว่า ผู้ที่จะให้รายละเอียดในคดีนี้มีเพียง พล.ต.อ.จักรทิพย์ และ พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงศ์ปิ่น ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เท่านั้น


กำลังโหลดความคิดเห็น