MGR Online - ประสานตำรวจลาวตามจับ “พระพรหมเมธี” หนีซุกแขวงคำม่วน พบสองหญิงไทย - ลาว ช่วยพาหนีข้ามโขงฝั่งนครพนม เตรียมออกหมายจับ 2 สามีภรรยาเจ้าของร้านสังฆภัณฑ์พัวพันคดีเงินทอนวัดสามพระยา
วานนี้ (1 มิ.ย.) ที่ กองปราบปราม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น. พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง รอง ผบช.ก. เรียกประชุมชุดสืบสวนสอบสวนคดีเงินทอนวัด โดยมีนำรายละเอียดการจับกุมและการตรวจยึดของกลางของแต่ละวัด ประกอบด้วย วัดสามพระยาวรวิหาร วัดสระเกศวรวิหาร และ วัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร มาตรวจสอบรายละเอียดเพื่อที่จะขยายผลและรวบรวมหลักฐานต่างๆ ให้เป็นแนวทางในการสืบสวนต่อไป ทั้งนี้ พล.ต.ต.สุทิน ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมดังกล่าว
มีรายงานแจ้งว่า จากการประมวลหลักฐานที่ยึดมาได้ และการตรวจสอบเส้นทางการเงินเพิ่มเติมแล้วพบว่า ในกรณีของวัดสามพระยา ที่ก่อนหน้านี้ ชุดสืบสวนได้จับกุม พระพรหมดิลก เจ้าอาวาสและเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร และ พระอรรถกิจโสภณ เลขานุการเจ้าคณะกรุงเทพฯ ในความผิดฐานฟอกเงินไปแล้วนั้น ยังพบว่า มีฆราวาสอีก 2 คน ที่กำลังพิจารณาออกหมายจับเพิ่มด้วยในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน โดยทั้งคู่เป็นสามีภรรยาเจ้าของร้านขายสังฆภัณฑ์แห่งหนึ่งใน อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ซึ่งพบว่า มีการโอนเงินจากบัญชีของวัดสามพระยาไปยังบัญชีของร้านสังฆภัณฑ์แห่งนี้อย่างมีพิรุธจำนวน 3 ล้านบาท และคำให้การของสามีภรรยาที่พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำไปก่อนหน้านี้เกี่ยวกับการซื้อขายสินค้าต่างๆ ระหว่างวัดกับร้านค้า ไม่สอดคล้องกับหลักฐานทางการเงินที่ปรากฏอยู่
ส่วนความคืบหน้าในการติดตามตัว พระพรหมเมธี ซึ่งขณะนี้หลบหนีไปอยู่ที่ประเทศลาว โดยเดินทางออกจากไทยไปทาง จ.นครพนม นั้น ชุดสืบสวนได้ตรวจสอบพบว่า มีสีกาคนไทย 1 คน และหญิงคนลาว 1 คน เป็นคนให้การช่วยเหลือพาข้ามแดน โดยหญิงคนไทยนั้นจากการตรวจสอบประวัติ พบว่า เป็นหนึ่งในเจ้าแม่ตลาดหุ้นของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปัจจุบันถือหุ้นในบริษัทมหาชนขนาดใหญ่หลายแห่ง และหนึ่งในนั้นเป็นบริษัทมหาชนที่ดำเนินการเกี่ยวกับเหมืองแร่ชื่อดังด้วย โดยหญิงไทยคนนี้ได้เดินทางออกจากไทยที่ด่านชายแดนจุดตรวจสะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 จ.นครพนม ไปเมื่อเวลา 21.25 น. ของวันที่ 24 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่ตำรวจกองปราบปรามเปิดปฏิบัติการลับไล่จับพระรวม 5 วัด ตั้งแต่รุ่งเช้าของวันเดียวกัน
ส่วนหญิงสาวชาวลาวก็ข้ามแดนไปทางช่องทางเดียวกันในเวลาเดียวกันกับหญิงชาวไทยด้วย โดยขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังพิจารณาออกหมายจับผู้หญิงทั้ง 2 คน ในความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 189 ที่ระบุว่า ผู้ใดช่วยผู้อื่น ซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้น หรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยขณะนี้เชื่อว่า หญิงสาวทั้ง 2 คน ยังคงกบดานอยู่ที่แขวงคำม่วนในประเทศลาว กับ พระพรหมเมธี ซึ่งขณะนี้ตำรวจไทยได้ประสานตำรวจลาวเข้าไปตรวจสอบในพื้นที่เป้าหมายแล้ว