MGR Online - ทีมนักวิจัยหน้ากากป้องกันสารพิษ นำโดย “อ.อ๊อด” ม.เกษตรฯ ยื่นฟ้องนายพล ผอ.สำนักวิจัยฯ กองทัพบก พ่วงสื่อ หมิ่นประมาท กล่าวหาใช้ใบรับรองปลอมในงานวิจัย เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง 20 ส.ค.นี้
วันนี้ (15 พ.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 10.00 น. นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ พร้อมด้วย รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรืออาจารย์อ๊อด อาจารย์คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์, ผศ.ดร.สุนทร สิทธิสกุลเจริญ อาจารย์วิทยาลัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ, ผศ.ดร.กิตติภัฎ รัตนจันทร์ อาจารย์วิทยาลัยเทคโนโลยี อุตสาหกรรม ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ, ผศ.วัชระ ลายลักษณ์ อาจารย์ ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.ศักดิ์สิทธิ์ เชื้อสมบูรณ์ ผอ.สำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหารกองทัพบก (สวพ.ทบ.), พ.อ.หญิง ธมนพัชร์ สิมากร นักวิชาการ สนง.วิจัยและพัฒนาการทางทหารกองทัพบก และนายธีระ ธัญญอนันต์ผล ผู้ดำเนินรายการข่าว เขย่าข่าวเข้ม สถานีโทรทัศน์ไบรท์ทีวี เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายมาตรา 328 และละเมิดเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 423
คดีนี้โจทก์ฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา เวลากลางวัน จำเลยทั้งสามร่วมกันใส่ความโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นเกลียดชัง โดย พล.ต.ศักดิ์สิทธิ์ จำเลยที่ 1 ได้ใช้ให้ พ.อ.หญิง ธมนพัชร์ จำเลยที่ 2 แจกเอกสารชี้แจงเรื่องงานวิจัยหน้ากากป้องกันสารพิษ ที่โจทก์เป็นผู้วิจัย ต่อสื่อมวลชนสำนักงานต่างๆ กระทั่งเวลา 14.00 น. พล.ต.ศักดิ์สิทธิ์ จำเลยที่ 1 ก็ได้แถลงข่าวบางช่วงบางตอน ทำนองว่าจากการตรวจสอบขอเรียนให้ทราบว่ามีการยื่นใบรับรองมาตรฐาน จำนวนทั้งหมด 4 ครั้งด้วยกันโดยหัวหน้าโครงการวิจัย เป็นการยื่นใบรับรองมาตรฐานปลอมทั้ง 4 ครั้ง ในขณะที่พล.ต.ศักดิ์สิทธิ์ จำเลยที่ 1 แถลงข่าวนั้นได้มีการไลฟ์สดและรายงานสดผ่านทางสื่อโชเชียลฯ ต่างๆ หลายสำนัก รวมทั้งมีการนำเสนอข่าวทางรายการ “เขย่าข่าวเข้ม” สถานีโทรทัศน์ไบร์ททีวีของจำเลยที่ 3 ด้วย
โดยเฉพาะ พล.ต.ศักดิ์สิทธิ์ จำเลยที่ 1 แถลงข่าวว่า รศ.ดร.วีรชัย โจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็นหัวหน้าโครงการได้ยื่นใบรับรองมาตรฐานปลอมจำนวน 4 ครั้ง และมีการเผยแพร่เอกสารชี้แจงเรื่องงานวิจัยหน้ากากป้องกันสารพิษกล่าวหาโจทก์ทั้งสี่ ทำและใช้ใบรับรองมาตรฐานจากสถาบัน National Institute for NBC Protection และสถาบัน Occupational Safely Research Institute ปลอม จำนวน 4 ครั้ง เพื่อหลอกลวงกองทัพบก ให้ต้องสูญเสียงบประมาณและหากใช้หน้ากากป้องกันสารพิษดังกล่าว อาจเกิดการบาดเจ็บเป็นอันตรายหรือเสียชีวิตได้นั้น เป็นความเท็จทั้งสิ้น ความจริงแล้วตรงกันข้าม ผลงานวิจัยของโจทก์และคณะวิจัยได้มาตรฐานในระดับสากล เป็นประโยชน์ต่อกองทัพบก และทำให้ประเทศชาติประหยัดงบประมาณในการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากต่างประเทศได้เป็นเงินจำนวนมหาศาล และคณะวิจัยมิได้หลอกลวงกองทัพบกหรือทำให้กองทัพบกได้รับความเสียหายแต่ประการใด เหตุเกิดที่กองทัพบก ถนนราชดำเนินนอก แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กทม. และกองบังคับการปราบปราม ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม.
ทั้งนี้ ศาลรับคำร้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ ที่ อ.1421/2561 และนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 20 ส.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
ภายหลังนายอนันต์ชัย ทนายความ กล่าวว่า จากกรณีที่ผู้บัญชาการทหารบกได้มอบหมายให้ พล.ต.ศักดิ์สิทธิ์ เชื้อสมบูรณ์ แจ้งความดำเนินคดีต่อคณะทีมวิจัยหน้ากากป้องกันสารพิษทางทหาร เมื่อวันที่ 9 ก.พ. ต่อมาวันที่ 15 มี.ค.ทางคณะวิจัยได้ไปดำเนินคดีต่อ พล.ต.ศักดิ์สิทธิ์ ข้อหาแจ้งความเท็จ ที่กองบังคับการปราบปราม และในช่วงบ่ายของวันที่ 15 มี.ค. ทางกองทัพบกโดย พล.ต.ศักดิ์สิทธิ์ ได้มีการแถลงข่าวเกี่ยวกับการปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมของคณะวิจัย มีการพาดพิงถึงคณะวิจัยทั้งหมด ในการแถลงข่าวบางช่วงบางตอนมีการกล่าวหาว่าคณะวิจัยมีการใช้เอกสารปลอม วันนี้ตนและ รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ จึงมาดำเนินการฟ้องร้องข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาและเรียกค่าเสียหาย แล้วมีบางข้อความที่สื่อออกไปมีการยืนยันว่ามีการปลอมแปลงเอกสาร และกล่าวหาว่ามีการใช้ใบรับรองจำนวน 4 ครั้ง โดยหัวหน้าคณะโครงการ ซึ่งยืนยันรับรองเอกสารปลอม ทั้งนี้ ตอนแรกคิดจะฟ้อง น.ส.วาสนา นาน่วม ที่โพสต์เฟซบุ๊กด้วย แต่เมื่อวานนี้ได้มาเจรจากับตนเองเรียบร้อยแล้วจึงไม่ได้ฟ้อง และได้คุยกันนอกรอบกับสื่อมวลชนสุดท้ายจึงไม่ฟ้องสื่อเกือบทุกสื่อ ยกเว้นเพียงช่องไบรท์ทีวี ที่รายการข่าวมีการโชว์ชื่อของอาจารย์ทั้งหมด 4 คน จึงจำเป็นต้องฟ้องสื่อไบรท์ทีวีไว้ก่อน รวมทั้งเหตุผลก็เพื่อจะฟ้อง พล.ต.ศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลอาญา ไม่เช่นนั้นจะต้องขึ้นศาลทหาร ส่วนข้อความที่กล่าวหาว่าคณะวิจัยได้ใช้เอกสารใบรับรองมาตรฐานสากลปลอมจนทำให้กองทัพบกเสียหายนั้น ขอเรียนว่ากองทัพบกยังไม่ได้รับความเสียหาย เพราะกองทัพบกไม่ใช่เป็นคนออกทุนวิจัย คนที่ออกทุนวิจัยคือ สกอ. ส่วนสำหรับเงินจำนวน 150 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลและ ครม.มีมติอนุมัติก็ยังไม่ได้มีการจัดซื้อจัดจ้าง เพราะฉะนั้นจึงยังไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด
ด้าน รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับการประสานจากผู้ใหญ่ทางกองทัพแล้ว คือเราไม่ได้มีปัญหากับทางกองทัพบก และปัญหานี้จะต้องได้รับการคลี่คลายโดยเร็ว แต่ว่าตอนนี้เป็นปัญหาส่วนบุคคล ระหว่างกลุ่มทหารกลุ่มหนึ่งที่ใช้เกราะกำบังทางด้านกองทัพกับนักวิจัย เราจึงจำเป็นต้องปกป้องชื่อเสียงของพวกเรา และเราได้รับทราบว่าเอกสารที่เป็นทางการของสถานทูตสาธารณรัฐเช็กเกี่ยวกับการรับรองงานวิจัย ไม่ถึงมือผู้หลักผู้ใหญ่ในกองทัพ วันนี้เราได้รับเอกสารฉบับนี้ทางอีเมลจากทางสาธารณรัฐเช็กประจำ กทม. ระบุว่า รศ.ดร.วีรชัย และนักวิจัยได้นำตัวอย่างหน้ากากป้องกันสารพิษทางทหารไปทดสอบจริงที่สถาบันเนชันแนล อินสติติวท์ ฟอร์ เอ็นบีซี โปรเทกชัน สถาบัน 1 ใน 5 ของโลกที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก และมีการส่งจริงทดสอบจริง และเป็นหน้ากากที่ได้รับคุณภาพสูง สำหรับสาเหตุที่ต้องส่งไปทดสอบที่ต่างประเทศเพราะได้มีมติ ครม.ที่จะนำผลงานวิจัยนี้ไปผลิต และกรมวิทยาศาสตร์ทหารบกระบุว่า ถ้าจะผลิตได้ หน้ากากต้องผ่านมาตรฐาน 1 ใน 5 ของโลก แต่จะเห็นได้ว่ากลุ่มที่แจ้งความนักวิจัยไม่เคยกล่าวถึงเอกสารฉบับนี้ที่เป็นสาระสำคัญ เราพยายามสื่อสารไปทางผู้ใหญ่ของกองทัพ ล่าสุดก็ได้รับการตอบรับที่ดีว่าจะนำเรื่องนี้เข้าพูดคุยในกองทัพบก และจะหาทางยุติให้เร็วที่สุด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีการปลอมแปลงเอกสารเกี่ยวกับงานวิจัยจริงหรือไม่ นายอนันต์ชัยกล่าวว่า ที่กล่าวอ้างว่ามีการปลอมแปลงเอกสารนั้นเราไม่ทราบ เพราะมีเอกสารบางส่วนที่นายทหารซึ่งอยู่ในทีมวิจัยเป็นคนเอามาให้ เอกสารตรงนั้นปลอมหรือเปล่า เราก็ไม่ได้ตรวจสอบ เพราะฉะนั้นจึงเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องมาพิสูจน์ว่าเอกสารนั้นปลอมอย่างไร เขาจะต้องเอาหลักฐานมาแสดงต่อศาลว่าใครปลอม ปลอมอย่างไร และปลอมจริงหรือไม่