ผบช.ภ.1 แถลงจับ “ผู้กองเฉลิม” รองสารวัตรพลับพลาไชย 2 หัวหน้าแก๊งตำรวจอุ้มรีดทรัพย์ยัดยาเสพติด ในพื้นที่คูคต จ.ปทุมธานี หลบหนีไปกบดานนครสวรรค์พร้อมลูกน้อง พอจวนตัวกลับร่วมมือพ่อตาที่เป็นตำรวจเก่าฆ่าลูกน้องหมกป่าปิดปาก ก่อนหนีไปจนมุมที่บุรีรัมย์ ตร.ล่าเพื่อนร่วมแก๊งอีก 3 ที่หลบหนีเข้ากัมพูชา ก่อนออกหมายจับเพียง 1 วัน
วันนี้ (15 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี พล.ต.ท สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1, พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1, พล.ต.ต.อำนาจ จันทร์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ต.สุภธีร์ บุญครอง ผบก.บก.สส.ภ.1 สถานีตำรวจภูธรคูคต พล.ต.ต.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี, พ.ต.อ.อภิชาติ วรรณภักดิ์ รอง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี, พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผกก.สส.ภ.จว.ปทุมธานี, พ.ต.อ.สมิทธิ สารอด ผกก.สภ.คูคต, พ.ต.ท.เหมรัศมิ์ พรนาคสอนโกษา รอง ผกก.สส, พ.ต.ต.ธรณินทร์ พุ่มสุวรรณ สว.สส. พร้อมกำลังร่วมกันแถลงข่าวจับกุม ร.ต.อ.เฉลิมชัย สุติบุตร รอง สว.สส.สน.พลับพลาไชย 2 ฉายาผู้กองเหลิม นักบินรีดยา หัวหน้าแก๊ง 1 ใน 7 คน ที่ก่อเหตุปล้นทรัพย์นายอัษฎายุธ วรากรณ์ พร้อมผู้เสียหายรวม 4 ราย
พล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 กล่าวว่า คดีนี้สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2561 เวลาประมาณ 01.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คูคต ได้รับแจ้งเหตุกลุ่มคนร้ายประมาณ 7 คน ก่อเหตุปล้นทรัพย์นายอัษฎายุธ วรากรณ์ พร้อมผู้เสียหายรวม 4 ราย เกิดเหตุที่บ้านเลขที่ 50/162 หมู่บ้านพฤกษา 57 ม.3 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ทรัพย์สินที่ถูกประทุษร้ายมูลค่าประมาณ 147,500 บาทหลังจากเกิดเหตุได้สืบสวน และรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออกหมายจับผู้ร่วมก่อเหตุทั้งหมด 7 ราย ประกอบด้วย นายพรศักดิ์ หรือหนึ่ง เสาวพงษ์ หมายจับที่ 306/2561 จับกุมแล้วเมื่อวันที่ 29 เม.ย. 61, นายประสิทธิ์ (อุ๋ย) อ่องเอี่ยม หมายจับที่ 339/2561 พบเป็นศพถูกฆ่าตายเมื่อ 2 พ.ค. 61 (สภ.ไพศาลี), นายประทาน (ต้น) ศรีจันทร์ หมายจับที่ 340/2561 จับกุมแล้วเมื่อวันที่ 6 พ.ค. 61, ร.ต.อ.เฉลิมชัย สุติบุตร หมายจับที่ 335/2561 จับกุม 14 พ.ค. 61, ด.ต.สมบัติ สนั่นเอื้อ หมายจับที่ 336/2561 อยู่ระหว่างหลบหนี, ด.ต.ธีระยุทธ จันทร์มี หมายจับที่ 337/2561 อยู่ระหว่างหลบหนี, นายพรพิชัย เจริญสุข หมายจับที่ 338/2561 อยู่ระหว่างหลบหนี
พล.ต.ท.สุวัฒน์เปิดเผยอีกว่า จากการสืบสวน ร.ต.อ.เฉลิมชัย สุติบุตร หลังจากเกิดเหตุทราบว่าได้หลบหนีการจับกุมจากพื้นที่จังหวัดปทุมธานีไปพักในหลายจังหวัด และในวันที่ 14 พ.ค. 61 พบข้อมูลความเคลื่อนไหวที่ อ.นางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ จึงได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน ภาค 3 และ สภ.นางรอง ร่วมปฏิบัติการไล่ล่าจนสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณริมถนนโชคชัย-เดชอุดม (แยกไฟแดง บขส.นางรอง) ต.นางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ จับกุมได้พร้อมอาวุธปืนและยานพาหนะที่ใช้ในการหลบหนี
พล.ต.ท.สุวัฒน์เปิดเผยต่ออีกว่า ร.ต.อ.เฉลิมชัยได้ให้การรับสารภาพว่าหลังจากก่อเหตุปล้นทรัพย์ที่คูคตแล้วได้หลบหนีไปกับนายประสิทธิ์ (อุ๋ย) อ่องเอี่ยม ที่พบเป็นศพถูกฆ่าตายที่ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ โดย ร.ต.อ.เฉลิมชัยได้ขับรถไปหาพ่อตาที่เป็นตำรวจเก่า คือ ร.ต.ท.ละยู สูนน่วม พ่อตาคนนี้ได้รับ ร.ต.อ.เฉลิมชัยหนีมาเพราะเป็นตำรวจเหมือนกัน จากนั้นไปปรึกษาว่าได้ถูกออกหมายจับมาจากเขต สภ.คูคต และตำรวจภาค 1 กำลังตามล่าตัว ทำให้พ่อตาที่เป็นตำรวจเกิดความโมโหได้วางแผนร่วมกับ ร.ต.อ.เฉลิมชัยและชายวัยกลางคนเป็นญาติพ่อตาขับรถอีแต๋นพานายประสิทธิ์ (อุ๋ย) ไปในป่ารกร้างและวางแผนฆ่าอำพรางศพเพื่อปิดปากคดีที่เกิดในท้องที่ สภ.คูคต จากนั้นได้นำปืนที่ยิงนายประสิทธิ์ไปฝังไว้และแยกย้ายกันหลบหนีไป ต่อมาทางตำรวจ สภ.ไพศาลี ได้จับกุมพ่อตาและญาติพ่อตาที่ร่วมกันก่อเหตุไว้ได้แต่ยังให้การปฏิเสธอยู่ ส่วน ร.ต.อ.เฉลิมชัยได้หลบหนีมาหาพรรคพวกที่ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ และโกนหัวเลียนแบบพระสงฆ์เปลี่ยนรถหลายคันและใส่ทะเบียนปลอมตลอดเวลาเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม แต่สุดท้ายก็ไม่รอด
พล.ต.ท.สุวัฒน์ยังเปิดเผยอีกว่า ส่วนผู้ต้องหาอีก 3 คน คือ ด.ต.สมบัติ, ด.ต.ธีรยุทธ และนายพรพิชัย อยู่ระหว่างหลบหนีไปที่ประเทศกัมพูชา เนื่องจากก่อนที่ทางตำรวจภาค 1 จะออกหมายจับคดีร่วมกันปล้นทรัพย์ ทั้ง 3 รายได้ทำหนังสือเดินทางออกนอกประเทศ มีการประทับตราอย่างถูกกฎหมายเพียงวันเดียว แต่ทางตำรวจชุดจับกุมอยู่ระหว่างประสานตำรวจในพื้นที่กัมพูชาให้ช่วยติดตามตัวมาดำเนินคดี
ทั้งนี้ ทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อ ร.ต.อ.เฉลิมชัย ว่ากระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์โดยแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมีหรือใช้อาวุธปืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุมฯ โดยต้องได้รับโทษหนัก 2 เท่า จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.คูคต ทำแผนเพื่อดำเนินคดีต่อไป ยืนยันว่าแม้ผู้ต้องหาที่เป็นตำรวจ แต่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เร่งรัดสืบสวนและติดตามจับให้ได้ โดยให้ถือเป็นคดีสำคัญซึ่งกระทบต่อภาพลักษณ์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้สั่งการให้ตำรวจภูธรภาค 1 บูรณาการสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดให้ได้โดยเร็ว