- “ศรีวราห์” มีคำสั่งแยังอัยการ 5 ข้อหา สั่งไม่ฟ้อง “เปรมชัย” กับพวก ยืนยัน ข้อหาร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าฯ ก็ต้องมีการแบ่งหน้าที่กันทำเหมือนกัน พร้อมส่งความเห็นแย้งกลับไปยังอัยการเที่ยงพรุ่งนี้ (10 เม.ย.)
วันนี้ (9 เม.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีประชุมหารือแนวทางทำความเห็นแย้ง หลังอัยการภาค 7 สั่งฟ้องนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ผู้ต้องหาล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก รวม 6 ข้อหา และมีคำสั่งไม่ฟ้อง 5 ข้อหา
พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า วันนี้ได้เรียกตำรวจทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องเข้ามาหารือ เบื้องต้นที่ประชุมมีความเห็นตรงกันว่า ข้อหาที่พนักงานอัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง พนักงานสอบสวนมีความเห็นตาม ส่วนข้อหาที่พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ทุกข้อหา คณะพนักงานสอบสวนได้มีความเห็นร่วมกันว่ามีความเห็นแย้งทุกข้อหาเช่นกัน
ทั้งนี้ พนักงานอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องข้อหาพยายามล่าสัตว์ป่าฯ กับนายเปรมชัย มีความเห็นฟ้องผู้ต้องหาบางคน แต่อีกบางคนไม่ฟ้อง ซึ่งเรื่องนี้พนักงานสอบสวนยืนยันตั้งแต่ต้นว่าทุกคนมีการแบ่งหน้าที่กันทำ ฉะนั้น ข้อหาร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าฯ ก็ต้องมีการแบ่งหน้าที่กันทำเหมือนกัน จะฟ้องเฉพาะ นายธานี ทุมมาศ คนเดียวไม่ได้ หลังจากนี้ จะส่งความเห็นแย้งกลับไปยังอัยการภายในวันพรุ่งนี้(10เม.ย.) ก่อนเวลา 12.00 น. เพื่อให้อัยการสูงสุดชี้ขาด ส่วนอัยการสูงสุดจะมีความเห็นอย่างไร ก็เป็นอำนาจหน้าที่ของท่าน ตำรวจไม่สามารถไปก้าวล่วงได้
รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ตำรวจได้รวบรวมคำพิพากษาศาลฎีกาต่างๆ เพื่อสนับสนุนความเห็นแย้งของพนักงานสอบสวน อาทิ กรณีการสั่งไม่ฟ้องเรื่องการเข้าไปและการนำอาวุธเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์ป่าฯ ซึ่งกฎกระทรวงฉบับที่ 7/2538 อาศัยอำนาจตามมาตรา 5 และมาตรา 37 พ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาติ บัญญัติไว้ว่า ไม่ให้นำวัตถุระเบิด ประทัด ยาเบื่อ ยาเมา หรือสิ่งอื่นที่อันตรายต่อสัตว์ป่า ไม่นำเครื่องมือจับสัตว์ หรืออาวุธใดใด เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ในกรณีนี้จากการสอบสวนไม่มีการยื่นหลักฐานการขออนุญาต พนักงานสอบสวนมองว่าผิดกฎกระทรวงฉบับนี้ เพราะหลักฐานการขออนุญาตนำอาวุธเข้าไปไม่มี จึงผิดกฎหมายชัดเจน
“การเข้าไปตามข้อ 1. ให้ปฏิบัติ คือ ต้องขออนุญาตเข้า เมื่อไม่ได้ขออนุญาตก็ไม่มีใครมาอนุมัติให้เข้าไปได้ เพราะว่ากฎกระทรวงบัญญัติว่าต้องขออนุญาต จะให้ นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ ก็อนุญาตไม่ได้ ถ้าไม่มีหนังสือขออนุญาต ส่วนจะมองว่า นายวิเชียร มีความผิดหรือไม่นั้นต้องดูเอาเอง นอกจากนี้ ยังคำสั่งกรมอุทยานที่ 1257/49 ตามมาตรา 32 แห่ง พ.ร.บ. บริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 วางระเบียบไว้ว่า ข้อ 4 ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ ให้ดำเนินการจัดเก็บค่าบริการ ค่าตอบแทน โดยถือปฏิบัติตามระเบียบ มาตรา 46 แห่ง พ.ร.บ. คุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 แต่ในกรณีไม่มีการเก็บค่าบริการ รวมถึงระเบียบตามมาตรา 46 ข้อ 5.3 ผู้ใช้บริการสามารถทำการขออนุญาตใช้สถานที่ ในเวลาราชการ โดยทำการขออนุญาตผ่านกรม จะมีคำแนะนำขออนุญาต ส่วนกรณีที่ไม่สามารถมาได้ด้วยตนเอง สามารถโทรศัพท์สอบถามหรือส่งรายละเอียดการขอใช้พื้นที่ทางไปรษณีย์ ยืนยันว่าต้องไปยืนคำร้อง ส่วนข้อ 5.1 และข้อ 5.2 การใช้สถานที่และขอที่พักผ่านระบบหนังสือราชการต้องอนุญาตผ่านกรมเท่านั้น กรมไม่มีตัวแทนหรือให้เอกชนหรือกลุ่มบุคคลใดเป็นตัวแทนไม่ได้ ตนก็แย้งโดยมีกฎกระทรวง คำสั่ง และระเบียบ เป็นข้อสนับสนุนความเห็นแย้งของพนักงานสอบสวน” รอง ผบ.ตร. กล่าวและว่า การสั่งไม่ฟ้องในข้อหาดังกล่าวอาจส่งผลต่อการเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง จำนวน 12 ล้านบาท ของกรมอุทยานฯ เพราะมีความจำเป็นต้องนำข้อเท็จจริงส่วนอาญาไปใช้รับฟังในการฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งกรณีทรัพยากรธรรมชาติได้รับความเสียหาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าดูตามกฎกระทรวง นายวิเชียร ก็มีความผิดที่ทำหนังสือให้กับนายเปรมชัย เข้าไปในอุทยานฯหรือไม่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไปตอบแทนกรมอุทยานฯ ไม่ได้ ตนเพียงแต่พูดในความเห็นแย้งของพนักงานสอบสวนเท่านั้น เรื่องนี้เป็นอำนาจของกรมอุทยานฯ ถ้าเห็นว่า นายวิเชียร มีความผิดก็สามารถมาร้องทุกข์ได้ ที่ผ่านมา เคยทำหนังสือไปถึงกรมอุทยานฯ ตั้งแต่ต้น แต่กรมอุทยานฯ บอกว่า มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวแล้ว และจนถึงขณะนี้กรมอุทยานฯ ก็ยังไม่มีการทำหนังสือตอบกลับมา