MGR Online - อัยการภาค 7 สั่งฟ้อง “เปรมชัย” ล่าเสือดำในทุ่งใหญ่นเรศวรฯ 6 ข้อหา อาทิ ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง, ล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า, ครอบครองซากสัตว์ป่า ไม่ฟ้องข้อหาครอบครองอาวุธปืน-เข้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าไม่ได้รับอนุญาต พร้อมเรียกค่าเสียหาย 4.6 แสนบาท คิดตามราคาเสือดำเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีปี 49 ส่วนค่าเสียหายทางแพ่ง 12 ล้าน ให้กรมอุทยานฯ ฟ้องเอง
วันนี้ (4 เม.ย.) นางสมศรี วัฒนไพศาล อธิบดีอัยการภาค 7 พร้อมด้วยคณะทำงานพิจารณาคดีนายเปรมชัย กรรณสูต ผู้บริหารบริษัท อิตาเลียนไทย กับพวก แถลงผลการสั่งคดี ว่าคณะทำงานอัยการพิจารณาสำนวนและหลักฐานทางคดีแล้ว มีความเห็นสั่งฟ้องนายเปรมชัย 6 ข้อหา ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในตัวหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันมีไว้ครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันซ่อนเร้นช่วยพาเอาไปเสียหรือรับไว้ซึ่งซากสัตว์ป่า อันได้มาโดยกระทำผิดกฎหมายร่วมกัน เก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนายเปรมชัยฐานร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับการใช้ในการล่าสัตว์ป่าหรือจับสัตว์เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันกระทำการกรุณากรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันสมควร
โดยเหตุที่ไม่ฟ้องนายเปรมชัยในข้อหาครอบครองอาวุธปืนโดยไม่รับอนุญาตนั้น พบว่าปืนของนายเปรมชัย มีทะเบียน การครอบครองอย่างถูกต้อง ส่วนข้อหาเข้าพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นหลังจากการตรวจสอบแล้วพบว่านายเปรมชัยมีการขออนุญาตเข้าพื้นที่แต่การเข้าไปผิดขั้นตอนจึงไม่ฟ้องในข้อหานี้
นอกจากนี้ ยังเรียกค่าเสียหายทางคดีอาญาเกี่ยวกับเสือดำที่ตีราคา 4.6 แสนบาท โดยอ้างอิงจากราคาเสือดำของสวนสัตว์ไนท์ซาฟารีเชียงใหม่ เมื่อปี 2549
สำหรับความเสียหายทางคดีแพ่งจำนวย 12 ล้านบาทนั้น ทางกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ต้องไปฟ้องดำเนินคดีเรียกค่าเสียหายกันเอง
รองโฆษกอัยการ แจงคดีเจ้าสัวเปรมชัย ล่าเสือดำ อัยการทำงานด้วยความรอบคอบ รวดเร็ว เป็นธรรม ชัดเจน ไม่ได้ยื้อคดี ตามสื่อโซเชียล วิจารณ์
ด้านนายประยุทธ์ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึง การพิจารณาสั่งคดีนายเปรมชัย กรรณสูตร กับพวก ผู้ต้องหาคดีร่วมกันล่าสัตว์ฯว่า คณะทำงานอัยการซึ่งมีนางสมศรี วัฒนไพศาล อธิบดีอัยการภาค 7 ควบคุมดูแล พิจารณาด้วยความรอบคอบ รวดเร็ว เป็นธรรม โดยอัยการรับสำนวนจากพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ เมื่อวันที่ 13 มี.ค. เมื่อพิจารณาสำนวนแล้ว เห็นว่าพยานหลักฐานยังไม่ครบถ้วน สมบูรณ์ เพียงพอ จึงมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนสอบ สภ.ทองผาภูมิ สอบเพิ่มเติม 3 - 4 ประเด็น เมื่อได้รับผลสอบตามที่มีคำสั่งไป คณะทำงานก็เร่งพิจารณา จนมีคำสั่งฟ้อง และสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาในบางข้อหา ซึ่งคณะทำงานใช้เวลาพิจารณาสำนวน รวมทั้งการสั่งสอบพยานเพิ่มเติมเพียง 17 วันเท่านั้นก็สามารถสั่งคดีได้ ซึ่งคดีนี้มีระยะเวลาฝากขังผู้ต้องหา 7 ผัด 84 วันตามกฎหมาย ซึ่งจะครบกำหนดประมาณสิ้นเดือน เม.ย.นี้ ยังเหลือเวลาอีกพอสมควร จะเห็นได้ว่า คณะทำงานอัยการ ทำงานด้วยความรวดเร็ว รอบคอบ ชัดเจน และไม่ได้"ยื้อ"คดีตามที่มีกระแสสื่อโซเชียลวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งความเห็นของคณะทำงานโดยเฉพาะนายเปรมชัย ที่คณะทำงานอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง เรื่องการมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง ก็เพราะเป็นอาวุธปืนมีทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย หรือข้อหาฆ่าสัตว์ ด้วยความทารุณ
โดยหลังจากนี้ อัยการได้ส่งสำนวนให้ ผบช.ภ.7 ทำความเห็นกลับมา หาก ผบช.ภ.7 ยังคงมีความเห็น ยืนยันควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา ตามที่พนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิเสนอมา ซึ่งหมายถึงมีความเห็นแย้งกับคณะทำงานอัยการในบางข้อหา ก็ต้องส่งสำนวนให้อัยการสูงสุด(อสส.) เป็นผู้ชี้ขาดตามกฎหมายว่าจะสั่งฟ้องผู้ต้องหาข้อใดบ้าง ขณะนี้ยังมีเวลาเหลืออีกพอสมควร ที่ ผบช.ภ.7 จะทำความเห็นกลับมาถึงคณะทำงานอัยการได้ทัน