xs
xsm
sm
md
lg

ศาลยกฟ้อง “ธาริต-สื่อ” แถลงข่าวทุจริตโรงพักตำรวจ ไม่หมิ่นประมาท “สุเทพ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - ศาลยกฟ้อง “ธาริต-สื่อ” ไม่หมิ่นประมาท “สุเทพ เทือกสุบรรณ” กรณีแถลงข่าว โจทก์เปลี่ยนสัญญาก่อสร้างโรงพักตำรวจทดแทน 396 แห่ง ชี้เป็นการติชมโดยสุจริต

เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (29 มี.ค.) ที่ห้องพิจารณา 709 ที่ศาลอาญาถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีดำที่ อ.1940/2556 ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ, บริษัท มติชน จำกัด, นายวรศักดิ์ ประยูรศุข บรรณาธิการ นสพ.มติชน, บริษัท ข่าวสด จำกัด และนายสุริวงศ์ เอื้อปฏิภาณ บรรณาธิการ นสพ.ข่าวสด เป็นจำเลยที่ 1-5 ฐานร่วมกันหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา มาตรา 328

กรณีเมื่อวันที่ 27 ก.พ. - 5 มี.ค. 2556 นายธาริต จำเลยที่ 1 แถลงข่าวกล่าวหาโจทก์ขณะดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีว่า ทำเรื่องขอเปลี่ยนแปลงโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนจำนวน 396 โรงพัก จากรายภาครวมเป็นรายเดียว ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่มิชอบ อันเป็นข้อความเท็จ ทำให้โจทก์เสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง

คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2558 ให้ยกฟ้องก่อนชั้นพิจารณาคดี ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งเมื่อวันที่ 22 มี.ค. 2559 ให้ศาลชั้นต้นประทับรับฟ้องคดีไว้พิจารณา

ในวันนี้จำเลยทั้งห้าเดินทางมาศาล ขณะที่โจทก์ มีผู้รับมอบอำนาจจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ มาฟังคำพิพากษา

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ขณะนั้นโจทก์ดำรงรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงกำกับดูเเลสำนักงานตำรวจเเห่งชาติ จำเลยที่1ดำรงตำเเหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) จำเลย2-5 เป็นสื่อมวลชน หนังสือพิมพ์มติชนเเละข่าวสดและสื่อมวลชนตีพิมพ์ข่าวสารเผยเเพร่จัดจำหน่ายทั่วประเทศ

ทั้งนี้โครงการก่อสร้างโรงพัก 396 แห่ง สำนักงบประมาณเคยมีความเห็นว่าการคำนวณทำสัญญาการก่อสร้างโรงพักทดเเทน 396 เเห่งเป็นภาระผูกพันงบประมาณรัฐบาล ควรมีการทบทวนการลงทุนภาครัฐเเละสำนักงบประมาณมีหนังสือทำความเห็นถึงคณะรัฐมนตรีในการทำสัญญาก่อสร้าง ที่บริษัทพีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด เป็นผู้ประมูลงานรับเหมาก่อสร้างโครงการก่อสร้างโรงพักทดแทน 396 แห่งทั่วประเทศ ที่นายสุเทพ โจทก์ได้พิจารณาเห็นชอบรับเหมาโครงการ ซึ่งต่อมามีบริษัทเอกชนที่เป็น 1 ในบริษัทผู้ประมูลรับเหมา ทำหนังสือร้องเรียนการทำสัญญารับเหมาก่อสร้างเกี่ยวกับบริษัทพีซีซีฯ ต่อรักษาการปลัดกระทรวงการคลังในขณะนั้น อีกทั้งครม.ได้พิจารณาเห็นชอบให้ สตช.ปฏิบัติตามที่สำนักงบประมาณเสนอ แต่ สตช.ไม่ได้ดำเนินการตามที่ ครม.กำหนดไว้ การก่อสร้างสถานีตำรวจทั้ง 396 แห่ง ไม่ได้อยู่ในพื้นที่เดียวกัน ยากแก่การบริหารงาน จึงไม่เป็นการปฏิบัติตามระเบียบ ซึ่งโจทก์ได้มีการเปลี่ยนสัญญาแก้ไขการก่อสร้างโรงพักทดแทน 396 แห่ง เป็นสัญญาเดียวจากที่สำนักงบประมาณเคยทำความเห็นเสนอ ครม.เป็นรายภาค ซึ่งต่อมาบริษัทพีซีซี ก็ก่อสร้างโรงพักทดเเทนไม่แล้วเสร็จตามสัญญา

ต่อมานายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ในขณะนั้นได้ยื่นเรื่องต่อนายธาริต จำเลยที่ 1 ในฐานะอธิบดีดีเอสไอให้ตรวจสอบการก่อสร้างโรงพักทดแทนดังกล่าว โดยนายธาริตจำเลยที่ 1 ได้รับเรื่องไว้ให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษทำความเห็นเเล้วส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไต่สวนและวินิจฉัย หลัง ป.ป.ช.รับไว้ไต่สวน จำเลยที่ 1 นายธาริตได้แถลงข่าวให้สัมภาษณ์เรื่องดังกล่าว ต่อสื่อมวลชนที่เป็นจำเลยที่2-5 ซึ่งโจทก์เห็นว่าเป็นการหมิ่นประมาท

การกระทำที่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทนั้นต้องเป็นการนำความอันเป็นเท็จใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม ให้ได้รับการถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ไม่ใช่การเเสดงความเห็นโดยสุจริตหรือการกระทำตามหน้าที่ หรือติชม ด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ ซึ่งการก่อสร้างโรงพักทดเเทน 396 เเห่งนั้นในทางนำสืบได้ความว่า ครม.ให้ สตช.รับความเห็นของสำนักงบประมาณไปดำเนินการ เเต่ไม่ปรากฏว่า สตช.ดำเนินการตามมติ ครม. เเละระเบียบสำนักนายกฯ จึงไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ การก่อสร้างไม่ได้อยู่ในพื้นที่เดียวกัน อีกทั้งทางนำสืบโจทก์ยังเบิกความรับว่าให้ สตช.รวมทำสัญญาเดียวกันเเละให้ยกเลิกการประมูลราคาเเยกรายภาค

จึงเห็นว่าเมื่อการที่นายสุเทพโจทก์มีคำสั่งรวมสัญญาเดียวกันเเละยกเลิกสัญญารายภาค นั้นการกระทำจึงมีเหตุเชื่อว่าโจทก์ไม่ได้ทำตามมติ ครม.เเละระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ใส่ความโจทก์ ซึ่งจำเลยที่ 1นั้นมองว่าการกระทำของโจทก์อาจเป็นการกระทำความผิดฐานปฎิบัติหน้าที่มิชอบ ตามมาตรา157 ซึ่งอยู่ในอำนาจสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ การเเถลงข่าวของจำเลยที่ 1 จึงเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ เนื่องจากโครงการก่อสร้างโรงพักเป็นโครงการที่ประชาชนให้ความสนใจถือเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะต่อประชาชน ส่วนจำเลยที่ 2-5 เป็นสื่อมวลชน มีการนำเสนอข่าวไปตามที่จำเลยที่ 1 แถลง ถือเป็นการติชมโดยสุจริต เป็นสิ่งที่บุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของวิญญูชนกระทำ โดยที่จำเลยที่ 2-5ไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อนที่จะกลั่นแกล้งโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย

ส่วนที่โจทก์อ้างว่า จำเลยที่ 1 แถลงข่าวในช่วงใกล้เลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จำเลยที่ 1 กับพวกต้องการทำลายฐานคะแนนเสียงพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีการส่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่า กทม.เเข่งขันกับพรรคเพื่อไทยเป็นการกล่าวอ้างลอยๆ และที่อ้างว่าศาลเคยประทับรับฟ้องจำเลยที่ 1ในคดีหมิ่นประมาทอีกสำนวนจากเรื่องการก่อสร้างโรงพักเช่นกันนั้นข้อเท็จจริงในสำนวนคดีย่อมมีความเเตกต่างกัน พิพากษายกฟ้อง


กำลังโหลดความคิดเห็น