อดีต ส.ส.ปชป.ขอดูพฤติกรรมอดีตอธิบดีดีเอสไอก่อนว่าจะอุทธรณ์หรือไม่ คดีแจ้งความเท็จ แต่ของ “เรืองไกร” ยื่นขอศาลเพิ่มโทษแน่ เหตุไม่สำนึก
วันนี้ (28 มี.ค.) นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงคำพิพากษาศาลแขวงดอนเมือง ที่พิพากษาในคดีนายวัชระฟ้องนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ และนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในข้อหาแจ้งความเท็จ ซึ่งศาลตัดสินให้จำคุกนายเรืองไกร 8 เดือน และยกฟ้องนายธาริต ว่าตนเคารพคำพิพากษาของศาล อย่างไรก็ตาม กรณีที่นายธาริตส่งทนายความมาขอให้ตนอย่ายื่นอุทธรณ์นั้นจะขอดูความประพฤติของนายธาริตก่อน เพราะตามหลักกฎหมายจะต้องอุทธรณ์ภายใน 30 วัน และมูลเหตุในการฟ้องคดีไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ไม่ยอมรับอำนาจของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ซึ่งเป็นตัวแทนฝ่ายนิติบัญญัติ อีกทั้งยังไปให้การเท็จต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อหวังให้ กกต.ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย หากศาลวินิจฉัยว่าผิดจะทำให้ขาดสมาชิกภาพไม่ได้เป็น ส.ส.ต่อไป แต่โชคดีที่ กกต.ยกคำร้อง ไม่เห็นด้วยกับการร้องเรียนของนายเรืองไกรและนายธาริต เพราะไปให้ถ้อยคำอันเป็นเท็จต่อ กกต.
“จากคำพิพากษาศาลชั้นต้น ถือว่าศาลท่านมีเมตตามาก แต่ในส่วนของตนจะยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลเพิ่มโทษแน่นอน เนื่องจากนายเรืองไกรไม่ได้มีพฤติกรรมสำนึกผิดใดๆ นอกจากนี้ โดยสามัญสำนึกแล้วโจทก์ย่อมอุทธรณ์ต่อศาลสูง เพื่อให้คลายข้อสงสัยตามหลักวิชาการ เมื่อมีคำพิพากษาจึงต้องขอหารือกับผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ก่อน” นายวัชระกล่าว