xs
xsm
sm
md
lg

ทลายแก๊ง “จิมมี่” แขกขาวค้ายาเปิดร้านกาแฟบังหน้าฟอกเงิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - สตม. แถลงผลการจับกุมคดีสำคัญ 3 คดี ทลายแก๊ง “จิมมี่” ชาวปากีสถานค้าเคตามีนเปิดร้านกาแฟบังหน้าฟอกเงิน อีกคดีจับ “รุสตัม” หน.แก๊งปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธ ตามหมายจับเอกอัครราชทูตรัสเซีย สุดท้ายจับแก๊งมาเลเซียร่วมกันฆ่าผู้อื่น

วันนี้ (23 มี.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย รองผบช.สตม. พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร ผบก.สส.สตม. พล.ต.ต.กิตติกร บุญสม ผบก.ตม.4 พ.ต.อ.พัลลภ สุริยกุล ณ อยุธยา รอง ผบก.ตม.4 ร่วมกันแถลงผลการจับกุมคดีสำคัญ 3 คดี โดยแรก บก.สส.สตม. ร่วมกับ ศรภ. ปปส. และ สุนัขตำรวจ สืบทราบว่า มีชาวปากีสถานแก๊งผลิตและขายยาเสพติด คือ นายจิมมี่ มีพฤติกรรมลักลอบขายยาเคตามีนให้กับลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งถือเป็นรายใหญ่รายหนึ่งที่ขายยาเคตามีนในปัจจุบัน อีกทั้งยังเกี่ยวกับการทำบัตรเครดิตปลอมอีกด้วย โดยเปิดร้านกาแฟบังหน้า และใช้เป็นสถานที่ฟอกเงินจากยาเสพติด ชุดจับกุมจึงเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวมาโดยตลอด

ต่อมาเมื่อวันที่ 22 มี.ค. ที่ผ่านมา ได้ขอหมายค้นจากศาลอาญาเข้าตรวจค้นเป้าหมายขบวนการค้ายาเสพติดชาวปากีสถาน จำนวน 2 จุด คือ บริเวณ บ้านเลขที่ 9 หมู่บ้านเสรี 2 ซอย 8 หรือ ซอยรามคำแหง 24 แยก 28 และร้านอาหารกุลโมลาส ค็อฟฟี่ แอนด์ ฟู๊ด ซอยรามคำแหง 24 แยก 20 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. หลังสืบสวนทราบว่า นายไรส์ อาหมัด บัคช์ หรือ จิมมี่ ราอิส อายุ 49 ปี สัญชาติปากีสถาน เป็นหัวหน้าขบวนการผลิตและลักลอบขายยาเสพติดประเภทเคตามีนให้ลูกค้าทั่วไป โดยจะจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวตามสถานบันเทิง

โดยผลการตรวจค้นสามารถจับกุมนายจิมมี่ ได้พร้อมกับภรรยา และลูกชาย สัญชาติไทย และได้ตรวจยึดยาเคตามีน ลักษณะเป็นเกล็ดสีขาว น้ำหนักประมาณ 628 กรัม มูลค่าประมาณ 1.3 ล้านบาท แก้วบิ๊กเกอร์สำหรับแปลงยาเคตามีนให้เป็นเกร็ด เตาไฟฟ้า จำนวน 3 อัน ถาดพลาสติกที่มีคราบยาเคตามีนติดอยู่ ซองพลาสติกและแผ่นรองที่มีเศษยาเคตามีน ไดร์เป่าผม เครื่องชั่งน้ำหนัก ฯลฯ พร้อมตรวจยึดทรัพย์สิน เงิดสด 1 แสนบาท กำไลทอง จำนวน 4 วง ต่างหูทอง จำนวน 1 คู่ บัตร ATM จำนวน 9 ใบ รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส สีดำ ทะเบียน กต 7849 เชียงราย รถยนต์ยี่ห้อเชฟโรเลต รุ่นเคบติว่า สีเงิน ทะเบียน ฎอ 8566 กรุงเทพฯ

นอกจากนี้ จากการค้นบ้านเลขที่ 9 หมู่บ้านเสรี 2 ซอย 8 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ ยังตรวจพบอุปกรณ์เกี่ยวกับปลอมแปลงบัตรเครดิตและทราเวลเช็ค คือ เครื่องพิมพ์สัญลักษณ์ของบัตรเครดิตอเมริกันเอ็กซ์เพรส ลักษณะโฮโรแกรม เครื่องอ่านและบันทึกข้อมูลบัตรเครดิต เครื่องคอมพิวเตอร์ และเอกสารอื่นๆ ทั้งนี้ ยังพบอีกว่า มีรถยนต์อยู่ในความครอบครองอีกจำนวน 4 คัน รถจักรยานยนต์ จำนวน 1 คัน โดยจะได้ทำการตรวจยึดตามมาตรการป้องกันปราบปรามยาเสพติดต่อไป

เบื้องต้นแจ้งข้อหากับ นายไรส์ อาหมัด บัคช์ หรือ จิมมี่ ราอิส ภรรยาและลูกชาย ในข้อหาร่วมกันผลิตวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (เคตามีน) และร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (เคตามีน) ไว้ในครอบครอง เพื่อขาย โดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนนำตัวส่ง พงส.บช.ปส. และจำทำการสืบสวนขยายผลต่อไป

ส่วนคดีที่สอง เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา บก.สส.สตม. ได้ร่วมกันควบคุมตัว นายรุสตัม อับดูรัคมานอฟ (Mr.Rustam Abdurakhmanov) อายุ 35 ปี สัญชาติรัสเซีย ได้ที่บริเวณ ถ.สุรวงษ์ แขวงและเขตบางรัก กทม. สืบเนื่องจาก สตม. ได้รับการประสานขอความร่วมมือจากสถานเอกอัคราชทูตรัสเซีย ประจำประเทศไทย ขอให้ช่วยติดตามตัว นายรุสตัม เนื่องจาก นายรุสตัม เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลประเทศรัสเซีย ในความผิดเกี่ยวได้ทำการปล้นอาวุธปืน การใช้ป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอม การโจรกรรมหรือก่อความเสียหายกับเอกสาร โดยพฤติการณ์คือเมื่อช่วง ธันวาคม 2557 - เมษายน 2558 นายรุสตัมเป็นหัวหน้าแก๊งปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธ ซึ่ง นายรุสตัม กับพวกเคยปล้นทรัพย์โดยการสวมหน้ากากใช้มีด กุญแจมือ และอาวุธปืนสงครามปลอม เข้าปล้นทรัพย์ในธนาคาร

อีกทั้งยังใช้รถยนต์ที่ติดแผ่นป้ายทะเบียนปลอมเป็นพาหนะในการก่อเหตุ โดยมีการก่อเหตุมาแล้ว 3 ครั้ง รวมความเสียหายประมาณ 2,108,304 รูเบิลรัสเซีย หรือประมาณ 1,200,000 บาท แล้วได้หลบหนีออกนอกประเทศไปยังประเทศเกาหลีใต้ แล้วเดินทางเข้ามาหลบซ่อนตัวอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม 2559 หลังจับกุมทาง สตม. ได้ดำเนินการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร และดำเนินการส่งกลับประเทศรัสเซียต่อไป

และคดีสุดท้าย เมื่อวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา บก.ตม.4 โดย กก.บคด.ตม.4 และ ตม.จว.อุดรธานี ได้ร่วมกันจับกุม นายตัน วุน เจ้น (Mr.Tang Woanjen) อายุ 40 ปี ชาวมาเลเซีย ตามหมายจับศาลมณฑลทหารบกที่ 42 ที่ 1/2559 ลงวันที่ 19 ม.ค. 59 ในความผิดฐาน “ผู้ใช้จ้างวานให้ผู้ต้องหาที่ 1 - 6 ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น และร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวโดยไม่มีเหตุอันสมควรตามกฎหมาย” สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2558 บนถนนกาญจนวาณิชย์ แยกคลองปอม หมู่ 8 ต.บ้านพรุ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่มรถเบนซ์ สีดำ รุ่น S300 ทะเบียน 1 ฌ 1 กทม. ทำให้ นาย ลี อา ฮาน อายุ 44 ปี นักธุรกิจชาวมาเลเซีย เสียชีวิตทันที และ นางมยุรี ทิพย์มณี อายุ 42 ปี ที่นั่งมาด้วยได้รับบาดเจ็บ ชุดคลี่คลายคดี ได้ทำการจับกุม นายอภิชน แซ่โล้ว ซึ่งต้องสงสัยว่าเป็นผู้วางแผนและจัดทีมในการก่อเหตุ

ต่อมาได้ขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้เพิ่มอีก 3 ราย คือ นายเอกพล อินทร์แก้ว มือลั่นไก นายยุทธศักดิ์ กล้ามาก ทำหน้าที่สำรวจเส้นทาง และ น.ส.นงเยาว์ ชำนินวล ซึ่งเดินทางมาพร้อมกับผู้ตาย โดยจากการสืบทราบว่าสาเหตุการสังหารในครั้งนี้มาจากการฆ่าล้างหนี้ เนื่องจากผู้ตายปล่อยเงินกู้ให้กับนายตัน วุน เจ้น อายุ 28 ปี ชาวมาเลเซีย ด้วยกัน เป็นจำนวนเงินกว่า 30 ล้านบาท โดยนายตันได้จ้างวานให้ นายอภิชน แซ่โล้ว จัดหาทีมมือปืน ประกอบด้วย นายธนเดช เงี่ยนตั้น นายชินพัฒน์ พิทักษ์ไทย นายยุทธศักดิ์ กล้ามาก นายเอกพล อินแก้ว และ น.ส.นงเยาว์ ชำนินวลมาวางแผนในการสังหารในครั้งนี้

ทั้งนี้ ภายหลังจากก่อเหตุแล้ว นายตันได้เดินออกนอกประเทศไปกบดานที่ประเทศแคนาดา จนกระทั่งเมื่อวันที่ 16 มีนาคม ที่ผ่านมา นายตัน ได้เดินทางจากประเทศแคนาดามายังประเทศเกาหลีใต้ จากนั้นได้ต่อเครื่องมายัง สปป.ลาว ก่อนหาช่องทางในการลักลอบเข้ามายังประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติ โดยไม่ผ่านช่องตรวจของ สตม. และได้มาพำนักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดอุดรธานี ต่อมาชุดสืบสวน กก.บคด.ตม.4 และ ตม.จว.อุดรธานี ได้สืบสวนติดตามเฝ้าดูพฤติกรรมบุคคลดังกล่าว จนกระทั่งสามารถจับกุม นายตัน วุน เจ้น ได้ที่ร้านอาหารไม่มีเลขที่ ถ.เบญจางค์ ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี จากนั้นได้นำตัวส่ง พนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป




กำลังโหลดความคิดเห็น