"จักรทิพย์" พร้อมชุดคลี่คลายคดีฆ่าโหดยกครัวผู้ใหญ่บ้าน ที่ จ.กระบี่ แถลงปมสังหาร เกิดจากความขัดแย้งเรื่องที่ดิน ที่ผู้ตายนำไปขายฝากกับ"บังฟัต" นายทุนเงินกู้ เมื่อนำเงินไปไถ่ถอน กลับไม่ยอมคืนให้ จนถึงขั้นท้าทาย ขู่ฆ่า แค้นหนัก ตั้งใจมาฆ่ายกครัวถึง 3 ครั้ง วางแผนจัดฉากมีปัญหาการเงินฆ่าตัวตายเองทั้งบ้าน พฤติกรรมโหดเหี้ยมอำมหิต ยิงหัวด้วยตัวเองเพียงคนเดียว สั่งเก็บหลักฐาน ทำสำนวนรัดกุม หวังศาลพิพากษาประหารชีวิต
เมื่อเวลา 16.00 น. วานนี้ (16 ก.ค.) ที่ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมทีมสอบสวนคดีสังหารโหดยกครัว นายวรยุทธ สังหลัง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ เสียชีวิต 8 ศพ บาดเจ็บ 3 คน ได้แถลงข่าวความคืบหน้าของคดีที่สามารถจับกุมคนร้ายได้ทั้งหมด ท่ามกลางกองทัพสื่อมวลชน ที่มารอรายงานข่าว
ทั้งนี้ ก่อนการแถลงข่าว มีตัวแทนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จ.กระบี่ ผู้นำชุมชน นายจรีย์ บุตรเติบ พ่อตาของ นายวรยุทธ สังหลัง ผู้ใหญ่บ้านที่ถูกยิงเสียชีวิต และชาวบ้าน ได้นำช่อดอกไม้ มามอบให้กำลังใจ ผบ.ตร. และทีมสืบสวนคลี่คลายคดีดังกล่าว ที่สามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุมาลงโทษดำเนินคดีตามกฎหมาย และ ผบ.ตร.ได้ประชุมร่วมกับชุดคลี่คลายคดี ที่ห้องประชุมพิทักษ์กระบี่ ด้วย
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ผู้ที่เข้ามาก่อเหตุสังหารผู้ใหญ่บ้าน และครอบครัว รวมทั้งญาติๆ มีทั้งหมด 7 คน และอีก 1 คน เป็นผู้ที่เข้ามาเชื่อมโยงกับกลุ่มคนร้าย จากการสืบสวนขยายผล และมีอีก 2-3 คน ที่จะต้องเชิญตัวมาสอบสวนในฐานะที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยมี นายซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์สกุล หรือ "บังฟัต" เป็นหัวหน้าทีม และเป็นผู้วางแผนฆ่า รวมทั้งเป็นมือลั่นไกยิงผู้ที่อยู่ในบ้านทั้ง 11 คน จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 ราย บาดเจ็บ 3 ราย และรอดชีวิต 1 ราย เป็นลูกของนายวรยุทธ สังหลัง ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งมีอายุเพียง 3 เดือน
ผบ.ตร. ระบุว่าชนวนของการสังหารยกครัวในครั้งนี้ มาจากความขัดแย้งเรื่องที่ดิน ระหว่างนายวรยุทธ กับบังฟัต ที่มีปากเสียงกันมาก่อนหน้านี้แล้ว จนนำมาซึ่งการสังหารโหด โดยนายวรยุทธได้นำที่ดินไปขายฝากไว้กับบังฟัต ซึ่งทำธุรกิจรับขายฝากที่ดิน รถยนต์ และปล่อยเงินกู้นอกระบบ ใน อ.อ่าวลึก หลายล้านบาท และ นายวรยุทธได้นำเงินไปไถ่ถอนจนครบ เพื่อขอโฉนดที่ดินคืน แต่บังฟัตไม่ยอมคืนให้ เนื่องจากได้นำโฉนดที่ดินดังกล่าวไปขายฝากอีกทอดหนึ่ง ทำให้มีปากเสียงถึง ขั้นขู่ฆ่ากัน และมีการฟ้องร้องกันในชั้นศาล เนื่องจากที่ดินมีมูลค่าหลายล้านบาท
บังฟัต โกรธแค้นนายวรยุทธ ที่ท้าทาย และขู่ฆ่า จึงได้วางแผนที่จะฆ่านายวรยุทธ และครอบครัวมาแล้วถึง 3 ครั้ง ตั้งแต่ปลายปี 2559 เป็นต้นมา โดยชักชวนพรรคพวกที่อยู่ในพื้นที่ จ.ระนอง ภูเก็ต พังงา มากันครั้งละ 4-5 คน แต่ไม่ประสบความสำเร็จในการฆ่านายวรยุทธ จนมาถึงครั้งนี้ บังฟัต ได้ก็ชักชวนพรรคพวกมาอีกครั้ง โดยหลอกว่า จะมาทวงหนี้ 3 ล้านบาท ให้ค่าจ้าง คนละ 1,000 บาท แต่จริงๆ แล้วบังฟัตตั้งใจมาฆ่านายวรยุทธ ทั้งครอบครัว โดยวางแผนจัดฉากว่า นายวรยุทธ มีปัญหาทางการเงิน แล้วตัดสินใจฆ่าตัวตายทั้งครอบครัว แต่เมื่อมีบุคคลอื่นเข้ามาในบ้านด้วย ก็ต้องฆ่าปิดปากทั้งหมด โดยบังฟัต เป็นคนยิงเหยื่อเพียงคนเดียวเท่านั้น
"พฤติกรรมของบังฟัต ถือว่าโหดเหี้ยม อำมหิตมาก ตั้งใจมาฆ่าทั้งครอบครัวถึง 3 ครั้ง ส่วนกรณีที่ฆ่าเด็กนั้น ผมไม่จำเป็นต้องตอบว่า ทำไมต้องฆ่าบานปลาย หรือฆ่าเด็ก สิ่งที่ทำอยู่มันก็ตอกย้ำแล้วว่า แก๊งคนร้ายกลุ่มนี้ ต้องโดนศาลพิพากษาประหารชีวิตแน่นอน ซึ่งได้กำชับไปยังเจ้าหน้าที่ทำสำนวนให้รัดกุม และหลักฐานจะต้องพร้อม เพื่อให้มีการพิพากษาประหารชีวิต ซึ่งในส่วนของหลักฐานต่างๆ ได้เกือบครบทั้งหมดแล้ว คาดว่าสำนวนจะแล้วเสร็จในอีก 3-4 วันนี้" พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าว
ส่วนจะมีผู้บงการ หรือเกี่ยวข้องที่นอกเหนือจากบังฟัต หรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการสอบสวน และขยายผลต่อว่า บังฟัต เคยก่อคดีโหดเหี้ยมก่อนหน้านี้หรือไม่ และจากการสอบปากคำ ทุกคนรับสารภาพทั้งหมด และยืนยันว่า การก่อเหตุในครั้งนี้ไม่มีตำรวจ หรือทหาร เข้ามาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด และไม่เกี่ยวข้องกับนักการเมือง
ด้านนายจรีย์ บุตรเติบ พ่อตาของนายวรยุทธ สังหลัง ผู้ใหญ่บ้านที่ถูกยิงเสียชีวิต กล่าวว่า ดีใจที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุได้ และระบุว่า ครอบครัวผู้ใหญ่บ้าน รู้จักสนิทสนมกับบังฟัต เป็นอย่างดี และรู้เรื่องความขัดแย้งเรื่องการขายฝากที่ดินระหว่างผู้ใหญ่บ้าน กับบังฟัตมาโดยตลอด และแม้ว่าเจ้าหน้าที่จะสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ทั้ง 8 คนแล้ว แต่ก็ยังกังวลในเรื่องของความปลอดภัย อยากจะให้ตำรวจจับกุมผู้ที่บงการเรื่องนี้เพิ่ม และหลังจากนี้ จะต้องดูแลเด็กๆ 3-4 ครอบครัวต่อไป
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการแถลงข่าวว่า ว่า เจ้าหน้าที่ใช้เวลา 5 วัน ในการจับกุมคนร้ายกลุ่มนี้ โดยจากการสอบสวนสืบสวนพบว่า "บังฟัต" เป็นผู้วางแผนสังหารทั้งหมด โดยเริ่มจากการว่าจ้างพวกชาวสวนยาง และช่างก่อสร้าง ที่รู้จักจำนวน 6 คน มาทำงาน ครั้งละ 1,000 บาท ซึ่งไม่ใช่ตำรวจ หรือทหาร โดยคนกลุ่มนี้เคยรับจ้างมาบ้านที่เกิดเหตุก่อนหน้านี้แล้ว 2 ครั้ง ทุกครั้งที่มาทำงาน จะบอกกับพวกว่า เป็นการทวงหนี้สิน จากนั้นได้มีการนัดรวมตัวที่บ้าน ต.เขาคราม จ.กระบี่ และได้ให้ทุกคนเปลี่ยนมาใส่ชุดทหารที่แฟนสาวของบังฟัต เป็นผู้จัดเตรียมไว้ให้
หลังจากนั้น"บังฟัต"กับพวกอีก 6 คน พร้อมอาวุธปืน ก็เข้ามาก่อเหตุที่บ้านดังกล่าว ซึ่งวางแผนไว้ว่า จะยิงทุกคนในครอบครัวนายวรยุทธ แล้วจะโยนความผิดให้กับนายวรยุทธ ด้วยการใช้อาวุธปืนของนายวรยุทธ ยิงทุกคนในบ้าน ทั้งนี้ในระหว่างการก่อเหตุ "บังฟัต"ได้บังคับให้นายวรยุทธ โทรศัพท์ติดต่อไปหาเพื่อนสนิทของนายวรยุทธ เพื่อขอยืมเงิน 5 แสนบาท โดยให้บอกว่า มีปัญหาด้านการเงิน เพื่อเป็นการตบตาเจ้าหน้าที่
"ในตอนจับกุม ผมภาวนาให้พวกเขาต่อสู้กับตำรวจ จะได้ตายตกตามกันกับสิ่งที่กระทำ แต่อย่างไรผมเชื่อว่า กลุ่มนี้โดนประหารชีวิตอยู่แล้ว" พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าว
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวอีกว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา สามารถตรวจยึดของกลางเป็นอาวุธปืน และปืนบีบีกัน ส่วนเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิด ถูกเผาทำลาย นอกจากนี้ การสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 8 ราย ให้การรับสารภาพทั้งหมด โดยผู้ร่วมขบวนการที่ไปก่อเหตุกับ"บังฟัต" อ้างว่าถูกจ้างมาให้แค่ทวงนี้ ส่วนแฟนสาว "บังฟัต" เป็นผู้ถูกหลอกให้ไปซื้อชุดทหาร อย่างไรก็ตามอีกไม่เกิน 3 - 4 วัน ทางเจ้าหน้าที่ออกหมายจับได้ โดยรอรวบรวมหลักฐาน นอกจากนี้เมื่อช่วงสายที่ผ่านมาทาง พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พร้อมชุดทำงานได้ลงพื้นที่เก็บหลักฐานเพิ่มเติมที่ จ.นครศรีธรรมราชแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ได้คุมตัวผู้ต้องหาที่จับกุมได้ เข้าตรวจค้นตามจุดต่างๆ ในพื้นที่ จ.พังงา รวม 5 จุด ซึ่งเป็นการตรวจยึดของกลางและทำแผนต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 15-16 ก.ค.
ประกอบด้วย นำผู้ต้องหาเข้าชี้จุดเกิดเหตุ ที่นำรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า ยาริส สีบรอนซ์เงิน เลขทะเบียน กค 533 กระบี่ ของผู้ใหญ่วรยุทธ สังหลัง มาเผาเพื่อทำลายหลักฐานในพื้นที่บ้านป่ากอ ต.ตากแดด อ.เมืองฯ จ.พังงา
ส่วนจุดที่ 2 เป็นจุดที่เข้าตรวจค้นหาอาวุธปืนที่คนร้ายนำมาทิ้ง ซึ่งห่างจากจุดแรก ประมาณ 3 กม. พบอาวุธปืนขนาด .38 จำนวน 3 กระบอก ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก ขนาด .357 จำนวน 1 กระบอก ของผู้ใหญ่วรยุทธ พร้อมเครื่องกระสุนอีกจำนวนมาก โทรศัพท์มือถือ ปลอกกระสุน และเมมโมรีการ์ด รวมทั้งหมด 5 ชิ้น บัตรประชาชนของเหยื่อที่รอดชีวิต
นอกจากนั้น ยังมีการตรวจค้นที่บ้านพักของผู้ต้องสงสัย ที่คาดว่าเป็นหัวหน้าทีม และจุดอื่นอีก สามารถเก็บรวบรวมพยานวัตถุได้อีกหลายรายการ ทั้งป้ายทะเบียนปลอม สิ่งเทียมอาวุธปืน กุญแจมือ 5 คู่ แกลลอนน้ำมันที่เอาไปเผารถของผู้ใหญ่บ้าน ถุงมือ 2 ชั้น ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐานทั้งหมดแล้ว
ในช่วงเช้าวานนี้ (16 ก.ค.) เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลังฐาน จากส่วนกลาง และตำรวจภูธรภาค 8 ได้ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า ยาริส ว่าใช่สีบรอนซ์เงิน เลขทะเบียน กค 533 กระบี่ ของผู้ใหญ่วรยุทธ สังหลัง ที่ถูกกลุ่มคนร้ายนำมาเผาเพื่อทำลายหลักฐาน จริงหรือไม่ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า รถคันดังกล่าว ถูกไฟลุกท่วมทั้งคัน ทำให้รถเสียหาย จนไม่เหลือร่องรอย สี ภายในรถโดนไฟไหม้ทั้งหมด ไม่พบป้ายทะเบียน มีเพียงกรอบป้ายตกอยู่ บริเวณล้อแม็ก มีโลโก้โตโยต้า เจ้าหน้าจึงต้องทำการงัดฝากระโปรงหน้า เพื่อตรวจสอบเลขเครื่อง พบเลข 1NZ Y749560 พร้อมทำการตรวจหาเลขตัวถัง
ทั้งนี้ หลังจากตรวจสอบ และเก็บพยานหลักฐานต่างๆ แล้วเจ้าหน้าที่ ได้ลากรถคันดังกล่าวไปเก็บไว้ที่ สภ.อ่าวลึก จ.กระบี่
ส่วนอีกจุดที่มีการนำไปชี้จุด และเก็บพยานหลักฐานคือ ที่บ้านเลขที่ 18/42 ม.2 บ.สวนพริก ต.ตากแดด อ.เมืองฯ จ.พังงา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดแรกมากนั้น เป็นบ้านที่ซึ่งตั้งอยู่กลางสวนยางพารา โดยจุดนี้เป็นจุดที่นำอาวุธ และเมมโมรีของกล้องวงจรปิดไปฝังอำพราง ก่อนจะนำรถเก๋งยาริส ของผู้ใหญ่บ้านไปเผา