xs
xsm
sm
md
lg

แฉอีก “แผน” พยานคดีหวย 30 ล้าน สนิทอดีต ผบก.เมืองกาญจน์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - ผบช.ก.ไม่หวั่นถูก “นายแผน” พนักงานขับรถแบงก์ พยานคดีลอตเตอรี่ 30 ล้าน แจ้งความดำเนินคดี 157 ยันเป็นตำรวจอย่าไปตกใจอะไรง่ายๆ เผยพยานสนิทอดีต ผบก.เมืองกาญจน์อีกด้วย

วันนี้ (15 มี.ค.) พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รอง ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าชุดคลี่คลายคดีลอตเตอรี่ 30 ล้าน กล่าวถึงกรณีที่นายฐนุกร เหลืองใหม่เอี่ยม หรือนายแผน พนักงานขับรถของธนาคารแห่งหนึ่งซึ่งเป็นพยานที่อ้างว่าเห็นคนก้มเก็บลอตเตอรี่ในตลาดเรดซิตี้ได้ ยื่นฟ้อง พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. กับ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ว่า ถือเป็นสิทธิ์ของเจ้าตัวที่อาจมองว่าการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจไม่เป็นธรรมต่อตนเอง แต่ในส่วนของชุดคลี่คลายคดีดังกล่าวขอยืนยันว่าที่ผ่านมาทางตำรวจได้ปฏิบัติหน้าที่บนหลักความถูกต้องและให้ความยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย โดยยึดหลักความจริงตามพยานหลักฐานต่างๆ ทั้งพยานบุคคลและพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ หากใครผิดใครถูกว่ากันไปตามหลักฐาน ไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งแต่อย่างใด อีกไม่นานเชื่อว่าความจริงจะปรากฏ

ด้าน พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก.กล่าวสั้นๆ ว่ายังไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการฟ้องร้อง เป็นตำรวจอย่าไปตกใจอะไรง่ายๆ ใครมีสิทธิที่จะฟ้องร้องอะไรก็ทำไปตามสิทธินั้น ตนได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป.ดูแลรายละเอียดแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายฐนุกร หรือนายแผนนั้น จากแนวทางการสืบสวนพบว่าเป็นพยานที่เพิ่งเพิ่มขึ้นมาใหม่ในสำนวนชุดที่ บช.ภ.7 รวบรวมไว้ก่อนที่จะโอนสำนวนมาให้กองปราบปราม เนื่องจากพยาน 2-3 คนในสำนวนเดิมไม่มีความน่าเชื่อถือและไม่มีการนำเอาหลักฐานทางเทคโนโลยีเข้าไปประกอบในสำนวน ซึ่งนายฐนุกรก็เป็นหนึ่งในพยานที่ไม่มีความเชื่อถือนั้น เนื่องจากคำให้การขัดต่อหลักฐานทางเทคโนโลยีที่ตำรวจ บก.ปอท.แกะรอยมาได้ นอกจากนี้ นายฐนุกรยังมีความสนิทสนมกับ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล อดีต ผบก.ภ.จ.กาญจนบุรี อีกด้วย

โดยจากการตรวจสอบสำนวนการสอบสวนของ บช.ภ.7 อย่างละเอียด คณะพนักงานสอบสวนกองปราบปรามพบว่ามีการแก้ไขสำนวนการสอบสวนจนทำให้ พล.ต.ต.สุทธิ ต้องถูกดำเนินคดีฐานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามกฎหมายอาญามาตรา 157 โดยส่วนหนึ่งนั้นเป็นการแก้ไขสำนวนคดีในส่วนของคำให้การของพยานที่เพิ่มเข้ามาใหม่ค่อนข้างชัดเจน และพยานบางคนยังพบว่าให้การเท็จในส่วนนี้จึงทำให้พยานที่เพิ่มขึ้นมาใหม่จะต้องถูกดำเนินคดีเป็นรายตัวด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น