xs
xsm
sm
md
lg

แถลงผลงานศูนย์ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อายัดเงินคืนผู้เสียหายกว่า 12 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - “บิ๊กป้อม” นำทีมแถลงผลงาน 3 เดือน ศูนย์ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวบ 229 ผู้ต้องหา ยึดทรัพย์ 120 ล้าน อายัดเงินคืนผู้เสียหายกว่า 12 ล้าน มูลค่าความเสียหาย 200 ล้าน

วันนี้ (8 มี.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานแถลงผลการปฏิบัติในรอบ 3 เดือนของศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (ศป.ฉปทน.ตร.) โดยมี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร., พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล ประธานคณะกรรมการ ปปง., นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการสำนักงาน กสทช., พล.ต.ต.รมยสิทธิ์ วีริยาสรร รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง., พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท., อุปทูตกัมพูชา และอุปทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประชาชนผู้เสียหายจากการหลอกลวงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์กว่า 100 ราย เข้าร่วมรับฟังการแถลง

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ที่ผ่านมามีกลุ่มคนร้ายใช้โทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ต (VoIP) อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ หลอกลวงให้ประชาชนหลงเชื่อทำให้สูญเสียเงินเป็นจำนวนมาก การกระทำดังกล่าวเรียกว่า “กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์” ทำให้เกิดปัญหาอาชญากรรม สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน ถือเป็นภัยต่อความมั่นคงและความผาสุกของคนไทย ผบ.ตร.จึงจัดตั้งศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (ศป.ฉปทน.ตร.) มี พล.ต.อ.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร.เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ มีตนเองเป็นรองผู้อำนวยการ และหัวหน้าชุดปฏิบัติการ

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวต่อไปว่า สำหรับผลการปฏิบัติในรอบ 3 เดือนของศูนย์ฯ ได้รับแจ้งความจากผู้เสียหายทั่วประเทศจำนวน 383 คดี มูลค่าความเสียหายประมาณ 200 ล้านบาท ออกหมายจับผู้ต้องหา 373 หมาย จับกุมได้แล้ว 229 หมาย สามารถอายัดเงินของผู้เสียหายจากการหลอกลวงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ให้แก่ผู้เสียหาย จำนวน 66 ราย รวมเป็นเงิน 12,523,064.73 บาท

ส่วนด้านการปราบปราม สามารถจับกุมผู้กระทำผิดทั้งชาวไทยและต่างชาติ รวม 255 ราย ร่วมกับสำนักงาน กสทช.จับกุมบริษัทที่ให้บริการ VoIP จำนวน 6 ราย ร่วมกับสำนักงาน ปปง.ยึดอายัดทรัพย์สินที่ได้มากจากการกระทำผิด จำนวน 120 ล้านบาท และล่าสุดได้ประสานงานกับทางรัฐบาลให้เข้าไปประสานข้อมูล และจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศมาเลเซียและกัมพูชา 5 แห่ง สามารถจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 55 ราย ขณะที่ด้านการป้องกัน ได้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบข้อมูลการกระทำผิดของกลุ่มคนร้ายผ่านทางสื่อต่างๆ โดยเปิดสายด่วน 1155 และ 1910 ให้ประชาชนโทร.มาแจ้งข้อมูลและประสานสำนักงาน กสทช.บล็อกเบอร์โทรศัพท์ที่คนร้ายใช้สัญญาณ VoIP ปลอมหมายเลขโทรศัพท์โทร.เข้ามาหลอกลวงประชาชนจำนวนกว่า 150 หมายเลข

“นอกจากนี้ยังได้บูรณาการกับสำนักงานอัยการสูงสุด กระทรวงการต่างประเทศ ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่ง กองทัพภาคที่ 1 กองทัพภาคที่ 2 ในการสืบสวนติดตามจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาโดยตลอด ทำให้สถิติการเกิดคดีลดลงอย่างเห็นได้ชัด และมีการแจ้งเบาะแสข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่มากขึ้น ทำให้ประชาชนถูกหลอกน้อยลง อย่างไรก็ตาม แม้การปฏิบัติจะประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแต่คงยังต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ ผบ.ตร.ได้กำชับให้มีการประชาสัมพันธ์เชิงรุกในทุกภาคส่วน ทั้งนี้ เพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้หมดสิ้นไปจากประเทศโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ประชาชนปลอดภัยจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทุกรูปแบบ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามนโยบายรัฐบาลต่อไป

พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ที่ผ่านมาขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนเป็นวงกว้าง หลายคนต้องสูญเสียเงินก้อนสุดท้ายในชีวิต รัฐบาลตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวจึงมีนโยบายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดตั้งศูนย์แห่งนี้เพื่อปราบปรามผู้กระทำผิด ตลอดจนช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหาย รวมทั้งให้ความรู้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ โดยผลการปฏิบัติเป็นที่น่าพอใจ ตรงตามความต้องการของรัฐบาล ตรงนี้ถือเป็นความร่วมมือของทุกหน่วยงาน ทั้ง กสทช., ปปง. รวมทั้งสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียและกัมพูชา ที่ให้ความร่วมมือกับตำรวจจนนำไปสู่การจับกุมผู้กระทำผิดทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้านโดยรอบ ทำให้ประชาชนไม่ต้องถูกหลอกลวงอีกต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแถลงผลการปฏิบัติงาน พล.อ.ประวิตรได้มอบเงินที่เจ้าหน้าที่สามารถอายัดไว้ได้ทันคืนให้แก่ผู้เสียหายจำนวน 17 ราย รวมเป็นเงินจำนวน 2,159,675.50 บาท ในจำนวนนี้มี 6 รายที่เจ้าหน้าที่สามารถอายัดเงินได้เต็มจำนวน



กำลังโหลดความคิดเห็น