MGR Online - “ศรีวราห์” เผย ผลตรวจปืน - อุปกรณ์ครัวก๊วน “เปรมชัย” ในป่าทุ่งใหญ่ พบดีเอ็นเอเสือดำปะปน ด้านคดีงาช้าง กรมอุทยานฯ แจ้งความภรรยาเจ้าสัวแล้ว เล็งหาหลักฐาน ตั้งโชว์ในห้องถือว่าทำผิดร่วมกัน ย้ำไม่ขัดหากเปลี่ยนทีมทำคดีเสือดำ เป็นดุลพินิจผู้บังคับบัญชา ไม่น้อยใจโซเชียลถล่ม
วันนี้ (7 มี.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดี นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัท
อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) พร้อมพวกรวม 4 คน ร่วมกันลักลอบล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ว่า ผลการตรวจดีเอ็นเอจากของกลางที่พบในที่เกิดเหตุ ทั้งอาวุธปืน อุปกรณ์ครัว และอื่นๆ เป็นที่แน่ชัดแล้วว่ามีดีเอ็นเอของเสือดำปะปนอยู่ โดยยืนยันว่า พยานหลักฐานทั้งหมดมีความแน่นหนาพอที่จะดำเนินคดีกับนายเปรมชัยและพวกได้ โดยคาดว่าจะสรุปสำนวนส่งฟ้องพนักงานอัยการได้ภายในวันที่ 26 มี.ค. นี้
รอง ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีงาช้างที่ตรวจยึดได้ภายในบ้านพักของนายเปรมชัย และมีชื่อภรรยาเป็นผู้จดแจ้งนั้น เบื้องต้นกรมอุทยานฯ ได้แจ้งความดำเนินคดีกับ นางคณิตา วิทยานันท์ ภรรยาของนายเปรมชัยแล้ว ในข้อหาครอบครองซากสัตว์สงวน มาตรา 19 การครอบครองสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง ซากของสัตว์ป่าสงวน และซากของสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่างาช้างดังกล่าวเป็นของที่ใช้ร่วมกันหรือไม่ โดยดูจากลักษณะการจัดวางงาช้างในบ้าน ว่า มีการตั้งวางตรงไหน มีเจตนาอย่างไร เช่น ห้องนอน ห้องรับแขก ห้องเก็บของ หากพบเป็นการตั้งโชว์ในห้องที่ใช้งานร่วมกัน เช่น ห้องรับแขก ก็ถือว่ามีความผิดร่วมตามกฎหมายด้วย ก็อาจแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อนายเปรมชัย ในข้อหาร่วมกันครอบครองซากสัตว์ผิดกฎหมาย ส่วนกรณีการจดแจ้งครอบครองที่มีเจ้าหน้าที่เป็นผู้รับจดแจ้งนั้น จะต้องตรวจสอบด้วยเช่นกันว่าเข้าข่ายร่วมกันจดแจ้งด้วยหรือไม่ เรื่องนี้ก็เป็นอำนาจของกรมอุทยานฯ ยืนยันว่า ทุกอย่างดำเนินการตามหลักการและกฎหมายไม่มีการแบ่งคนรวยหรือจน ส่วนกรณีที่มีการเรียกร้องให้เปลี่ยนชุดทำงานคดีนี้ เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชา ย้ำตนไม่ขัดข้องอยู่แล้ว
ส่วนกรณีที่มีการแชร์ข้อความพร้อมติกแฮชแท็กไม่เอาศรีวราห์ ในโซเชียลมีเดีย นั้น รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ตนเองทำงานตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา ส่วนโลกโซเชียลจะว่ายังไงก็เป็นสิทธิ ตนไม่สามารถบังคับความคิดใครได้ เหตุผลของโซเชียลก็ไม่มีในกฎหมาย แต่ตนก็พร้อมรับฟัง ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกน้อยใจ หรือท้อใจในการทำงาน เพราะตนเองทำงานตามกระบวนการและขั้นตอนตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามหากตรวจสอบพบว่ามีการกระทำหรือเคลื่อนไหวที่เป็นขบวนการที่มีเจตนากล่าวหาหรือกลั่นแกล้ง ตนเองก็จะดำเนินการตามกฎหมายเช่นกัน
สำหรับกรณีที่อดีต ผบ.ตร. พาดพิงถึงตนว่าทำงานเอาหน้า อยากได้ตำแหน่งนั้น พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า อดีต ผบ.ตร. คนดังกล่าวเป็นคู่กรณีกับตน ที่ผ่านมา มีการฟ้องร้องคดีกับตนกว่า 30 คดี ยืนยันไม่คิดจะตอบโต้หรือฟ้องกลับ เพราะไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติบ้านเมือง การไปฟ้องคนอย่างนั้นเสียเวลาเปล่าๆ