MGR Online - ผชบ.ก.สั่งเอาผิดอดีต ผบก.กาญจนบุรี เอี่ยวคดีลอตเตอรี่ 30 ล้าน ชี้ยุ่งเหยิงสำนวน-เปลี่ยนแปลงสาระสำคัญ ด้าน ปปป.รับลูกชงเรื่องให้ ป.ป.ช.ฟันใน 30 วัน ยืนยันไม่มีการเจรจาต่อรองในเรื่องคดีความ
วันนี้ (7 มี.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินคดีต่อ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล อดีต ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ที่ถูกกล่าวหาว่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสำนวนการสอบสวนคดีพิพาทลอตเตอรี่ 30 ล้าน ว่าวันนี้ได้เรียก พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการปราบปราม (ผบก.ป.) มาร้องทุกข์กล่าวโทษ พล.ต.ต.สุทธิ ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าเมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.สุทธิเดินทางมาขอเข้าพบตนนั้น ยืนยันว่าไม่มีการเจรจาต่อรองในเรื่องคดีความ พล.ต.ต.สุทธิย่อมรู้ดีว่านิสัยของตนนั้นไม่สามารถเจรจาต่อรองในเรื่องคดีได้ แต่เรียกมาสอบถามในบางประเด็นที่พนักงานสอบสวนสงสัย พล.ต.ต.สุทธิก็ให้การที่เป็นประโยชน์ ส่วนการออกหมายจับผู้ต้องหาคดีนี้เพิ่มเติม ตำรวจแบ่งผู้ต้องหาคดีนี้ 3 กลุ่ม คือ ผู้ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ผู้ที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ และกลุ่มที่เป็นกองเชียร์ที่แสดงความคิดเห็น
พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวว่า สำหรับกลุ่มแรกได้ออกหมายจับไปแล้ว 2 คน ส่วนกลุ่มที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุอยู่ระหว่างการพิจารณาออกหมายเรียก 2 คน ไม่ขอเปิดเผยรายว่าทั้ง 2 คนดังกล่าวเป็นใคร เนื่องจากอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ส่วนกลุ่มที่เหลือจะพิจารณาการใช้กฎหมายที่จะไม่ไปคุกคามกับการดำเนินชีวิตของประชาชน ส่วนคดีนี้จะมีคนบงการที่ใหญ่กว่านายปรีชา ใคร่ครวญ หรือนางรัตนภรณ์ สุภาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่น หรือไม่ อาจมีความเป็นไปได้ว่ามียี่ปั๊วหรือซาปั๊ว ที่ขายสลากกินแบ่งรัฐบาลให้ทราบว่ามีผู้ถูกสลากกินแบ่งรัฐบาล จึงเข้ามามีส่วนร่วมกับขบวนการนี้จึงให้ชุดสืบสวนไปหาข้อมูลเพิ่มเติม
ด้าน พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป.กล่าวว่า ขณะนี้ ปปป.ได้รับคำร้องทุกข์จาก พล.ต.ต.ไมตรี เรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้เป็นขั้นตอนการสืบสวนสอบสวน สอบพยานที่เกี่ยวข้อง คาดว่าไม่เกินสัปดาห์นี้จะเรียก พล.ต.ต.สุทธิ มารับทราบข้อกล่าวหา แต่จริงๆ แล้ว พล.ต.ต.สุทธิก็ช่วยราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาจจะไม่จำเป็นต้องออกหมายนัดแจ้งข้อกล่าวหาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ได้ พล.ต.ต.สุทธิ มีสิทธิแต่งตั้งทนาย ปฏิเสธหรือรับสารภาพก็ได้ เป็นสิทธิของผู้ถูกล่าวหาอยู่แล้ว โดยอัตราโทษมาตรา 157 จำคุก 1-10 ปี โดยพนักงานสอบสวนต้องสรุปสำนวนส่ง ป.ป.ช.ภายใน 30 วัน โดยไม่จำเป็นต้องรอผลสอบทางวินัย
พล.ต.ต.กมลกล่าวว่า สำหรับตำรวจ 2 นายที่มีคำสั่งให้มาช่วยราชการที่กองบังคับการปราบปรามก่อนหน้านี้จะทำหนังสือถึงผู้บังคับบัญชา เพื่อกันไว้เป็นพยาน โดยจากข้อมูลล่าสุดพบว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการรอผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์จากกองพิสูจน์หลักฐานกลางว่าภายในเอกสารสำนวนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้มีลายเซ็นหรือหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ตกค้างอยู่บนสำนวนหรือไม่ หากพบว่ามีก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกันพยานไว้ประกอบในสำนวนคดี แต่หากไม่พบก็มีความจำเป็นต้องกันพยานไว้ ส่วนจะกันไว้กี่คนยังต้องรอตรวจสอบพยานหลักฐานในคดีก่อน
ส่วนพฤติการณ์ของ พล.ต.ต.สุทธิ ในคดีนี้เจ้าหน้าที่สามารถสืบสวนสอบสวนได้มากกว่าเอกสารลับ 4 หน้าที่ถูกเปิดเผยออกมา แต่ยังไม่สามารถเปิดรายละเอียดได้ โดยในวันพรุ่งนี้จะเรียก ร.ต.อ.1 นาย และ พ.ต.ท.1 นาย มาทำการสอบสวนเพิ่มเติม ในประเด็นที่เจ้าหน้าที่ยังสงสัย
พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป.กล่าวว่า วันนี้เดินทางให้ถ้อยคำและร้องทุกข์กล่าวโทษ พล.ต.ต.สุทธิ ในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 โดยหลังจากนี้พนักงานสอบสวน บก.ปปป.จะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ยืนยันไม่มีการข่มขู่พยาน ตามที่มีกระแสข่าว ส่วนการย้ายตำรวจที่เกี่ยวข้อง 2 นายมาที่ บก.ป.นั้นก็มอบหมายงานตามปกติ ถือว่าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่งมอบหมายงานให้ทำ ไม่มีพฤติการณ์ยุ่งเหยิงคดี ตำรวจทั้งสองนายก็ทำงานตามปกติ ไม่ได้เครียด ไม่ถึงขึ้นต้องดูพฤติการณ์เป็นพิเศษ
เมื่อถามว่า พล.ต.ต.สุทธิเข้าไปเกี่ยวข้องขั้นตอนไหนจนทำให้สำนวนถูกบิดเบือน พล.ต.ต.กมลกล่าวว่า เป็นรายละเอียดในสำนวน บอกได้เพียงว่ามีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญในคดี เช่น สถานที่เกิดเหตุ วันเกิดเหตุ เป็นต้น ส่วนความผิดในลักษณะนี้ถึงขึ้นจะให้ออกจากราชการได้หรือไม่นั้น เป็นอำนาจของผู้บังคับบัญชา พนักงานสอบสวนไม่มีสิทธิ์เสนอให้ออกจากราชการ ย้ำว่าเป็นอำนาจของผู้บังคับบัญชาเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กองปราบปรามเมื่อเวลา 14.00 น. พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบก.ป.กล่าวว่า เมื่อวานที่ผ่านมาทางชุดคลี่คลายคดีดังกล่าวของ บก.ป. ได้เชิญพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี จำนวน 4 นาย ที่เป็นผู้ที่รับผิดชอบสำนวนคดีหวยมาให้ปากคำที่สำนักงานกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อสอบถามในประเด็นข้อสงสัยเกี่ยวกับที่ไปที่มาของพยานบุคคลทางฝั่งครูปรีชาว่าเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องราวดังกล่าวได้อย่างไร ไม่ได้เป็นการเฉพาะเจาะจงไปที่เรื่องของการหาหลักฐานเอาผิด พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี เพียงอย่างเดียว แต่เป็นการซักถามเพื่อหาข้อมูลในภาพรวมทางคดี
พ.ต.อ.สุวัฒน์กล่าวต่อว่า ส่วนจะมีการออกหมายจับผู้กระทำผิดในคดีดังกล่าวเพิ่มเติมหรือไม่นั้น คงต้องรอให้มีการสอบปากคำพยานบุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนก่อน ขณะนี้ยังคงเหลือพยานบุคคลอีกหลายปากที่ยังต้องมีการสอบเพิ่ม แล้วนำคำให้การของแต่ละคนมาพิจารณาร่วมกับพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อดูว่าพยานบุคคลทางฝั่งของครูปรีชาที่เคยให้การเท็จก่อนหน้านี้เป็นการกระทำผิดโดยเจตนาหรือไม่ เนื่องจากการจะออกหมายจับใครนั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จำเป็นจะต้องมีการพิจารณาจากพยานหลักฐานข้อเท็จจริงอย่างรอบคอบ และต้องพบหลักฐานการกระทำความผิดที่ชัดเจนถึงจะสามารถนำหลักฐานไปขออำนาจศาลออกหมายจับได้ ซึ่งหลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวน บก.ป.จะมีการนำลงพื้นที่ จ.กาญจนบุรีอีกครั้งเพื่อไปทำการสอบปากคำพยานบุคคลดังกล่าวให้ครบถ้วน