MGR Online - ผบช.ก.แจ้งเอาผิด 157 อดีต ผบก.กาญจนบุรี เอี่ยวคดีลอตเตอรี่ 30 ล้าน ร้องทุกข์ ปปป.ชี้ยุ่งเหยิงสำนวน-เปลี่ยนแปลงสาระสำคัญ ยันไม่มีการเจรจาต่อรองคดีความ ชงเรื่องให้ ป.ป.ช.ฟันใน 30 วัน
วันนี้ (8 มี.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินคดีต่อ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล อดีต ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ที่ถูกกล่าวหาว่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสำนวนการสอบสวนคดีพิพาทลอตเตอรี่ 30 ล้านว่า วันนี้เรียก พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการปราบปราม (ผบก.ป.) มาร้องทุกข์กล่าวโทษ พล.ต.ต.สุทธิ ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าเมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.สุทธิ เดินทางมาขอเข้าพบตนนั้น ยืนยันว่าไม่มีการเจรจาต่อรองในเรื่องคดีความ พล.ต.ต.สุทธิย่อมรู้ดีว่านิสัยของตนนั้นไม่สามารถเจรจาต่อรองในเรื่องคดีได้ แต่ตนเรียกมาสอบถามในบางประเด็นที่พนักงานสอบสวนสงสัย พล.ต.ต.สุทธิก็ให้การที่เป็นประโยชน์ ส่วนการออกหมายจับผู้ต้องหาคดีนี้เพิ่มเติม ตำรวจแบ่งผู้ต้องหาคดีนี้ 3 กลุ่ม คือ ผู้ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ผู้ที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ และกลุ่มที่เป็นกองเชียร์ที่แสดงความคิดเห็น
พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวว่า สำหรับกลุ่มแรกได้ออกหมายจับไปแล้ว 2 คน ส่วนกลุ่มที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ อยู่ระหว่างการพิจารณาออกหมายเรียก 2 คน ไม่ขอเปิดเผยรายว่าทั้ง 2 คนดังกล่าวเป็นใคร เนื่องจากอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ส่วนกลุ่มที่เหลือจะพิจารณาการใช้กฎหมาย ที่จะไม่ไปคุกคามกับการดำเนินชีวิตของประชาชน ส่วนคดีนี้จะมีคนบงการที่ใหญ่กว่านายปรีชา ใคร่ครวญ หรือนางรัตนภรณ์ สุภาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่น หรือไม่ อาจมีความเป็นไปได้ว่ามียี่ปั๊วหรือซาปั๊ว ที่ขายสลากกินแบ่งรัฐบาลให้ ทราบว่ามีผู้ถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลจึงเข้ามามีส่วนร่วมกับขบวนการนี้จึงให้ชุดสืบสวนไปหาข้อมูลเพิ่มเติม
ด้าน พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป.กล่าวว่า ขณะนี้ ปปป.ได้รับคำร้องทุกข์จาก พล.ต.ต.ไมตรีเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้เป็นขั้นตอนการสืบสวนสอบสวน สอบพยานที่เกี่ยวข้อง คาดว่าไม่เกินสัปดาห์นี้จะเรียก พล.ต.ต.สุทธิมารับทราบข้อกล่าวหา แต่จริงๆ แล้ว พล.ต.ต.สุทธิก็ช่วยราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาจจะไม่จำเป็นต้องออกหมายนัดแจ้งข้อกล่าวหาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ได้ ซึ่ง พล.ต.ต.สุทธิ มีสิทธิแต่งตั้งทนาย ปฏิเสธหรือรับสารภาพก็ได้ เป็นสิทธิของผู้ถูกล่าวหาอยู่แล้ว โดยอัตราโทษ มาตรา 157 จำคุก 1-10 ปี โดยพนักงานสอบสวนต้องสรุปสำนวนส่ง ป.ป.ช. ภายใน 30 วัน โดยไม่จำเป็นต้องรอผลสอบทางวินัย
พล.ต.ต.กมลกล่าวว่า สำหรับตำรวจ 2 นายที่มีคำสั่งให้มาช่วยราชการ ที่กองบังคับการปราบปรามก่อนหน้านี้ จะทำหนังสือถึงผู้บังคับบัญชา เพื่อกันไว้เป็นพยาน โดยจากข้อมูลล่าสุดพบว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการรอผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ จากกองพิสูจน์หลักฐานกลางว่าภายในเอกสารสำนวนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ มีลายเซ็นหรือหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ตกค้างอยู่บนสำนวนหรือไม่ หากพบว่ามีก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกันพยานไว้ประกอบในสำนวนคดี แต่หากไม่พบก็มีความจำเป็นต้องกันพยานไว้ ส่วนจะกันไว้กี่คน ยังต้องรอตรวจสอบพยานหลักฐานในคดีก่อน
ส่วนพฤติการณ์ของ พล.ต.ต.สุทธิ ในคดีนี้เจ้าหน้าที่สามารถสืบสวนสอบสวนได้มากกว่าเอกสารลับ 4 หน้าที่ถูกเปิดเผยออกมา แต่ยังไม่สามารถเปิดรายละเอียดได้ โดยในวันพรุ่งนี้จะเรียก ร.ต.อ.1 นาย และพ.ต.ท.1 นาย มาทำการสอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นที่เจ้าหน้าที่ยังสงสัย
พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป.กล่าวว่า วันนี้เดินทางให้ถ้อยคำและร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ พล.ต.ต.สุทธิ ในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 โดยหลังจากนี้พนักงานสอบสวน บก.ปปป.จะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ยืนยันไม่มีการข่มขู่พยาน ตามที่มีกระแสข่าว ส่วนการย้ายตำรวจที่เกี่ยวข้อง 2 นายมาที่ บก.ป.นั้นก็มอบหมายงานตามปกติ ถือว่าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่ง มอบหมายงานให้ทำ ไม่มีพฤติการณ์ยุ่งเหยิงคดี ตำรวจทั้ง 2 นายก็ทำงานตามปกติ ไม่ได้เครียด ไม่ถึงขั้นต้องดูพฤติการณ์เป็นพิเศษ
เมื่อถามว่า พล.ต.ต.สุทธิเข้าไปเกี่ยวข้องขั้นตอนไหนจนทำให้สำนวนถูกบิดเบือน พล.ต.ต.กมลกล่าวว่า เป็นรายละเอียดในสำนวน บอกได้เพียงว่ามีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญในคดี เช่น สถานที่เกิดเหตุ วันเกิดเหตุ เป็นต้น ส่วนความผิดในลักษณะนี้ถึงขึ้นจะให้ออกจากราชการได้หรือไม่นั้น เป็นอำนาจของผู้บังคับบัญชา พนักงานสอบสวนไม่มีสิทธิ์เสนอให้ออกจากราชการ ย้ำว่าเป็นอำนาจของผู้บังคับบัญชาเท่านั้น
พล.ต.ต.กมล กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทั้ง 2 นายให้ข้อมูลสอดคล้องกันกับที่กองปราบปรามเข้าร้องทุกข์ไว้ เป็นประโยชน์ต่อสำนวน ส่วนเอกสารซึ่งเป็นตัวสำนวนในคอมพิวเตอร์ ปอท.ยังไม่ได้เอามาให้ดู แต่เบื้องต้นเท่าที่สอบถาม ปอท.ต้นฉบับสำนวนที่มีการแก้ไขชัดเจนยังไม่ได้ ขณะนี้มีเพียงพยานบุคคลแต่ก็ถือว่าเพียงพอ อย่างไรก็ตามเอกสารสำนวนดังกล่าวเขายอมรับว่าแก้ทั้งแผ่น และมีการทำลายไปแล้ว
"สิ่งที่เราดูขณะนี้คือตรวจสอบคอมพิวเตอร์ว่ามีการก็อปปี้ซ้อนลงไปหรือไม่ ต้องรอผลอยู่ว่าสามารถกู้ได้ไหม ผมก็อยากให้กู้ได้เหมือนกัน ต่อจากนี้จะสอบปากคำเจ้าหน้าที่ ปอท.เพื่อเป็นพยานยืนยันด้วยว่าตรวจสอบถึงไหน มีพยานอะไรบ้าง ส่วนจะใช้เวลานานแค่ไหนให้คำตอบไม่ได้ต้องเป็นผู้ชำนาญถึงจะตอบได้ หลังจากนี้พยานหลักฐานที่รวบรวมมาได้จะต้องส่งให้ ป.ป.ช.ภายใน 30 วัน แต่เมื่อมีพยานหลักฐานเพิ่มเราสามารถส่งเพิ่มเติมได้อีก หรือทาง ปปช.จะให้ทางเราร่วมในคณะไต่สวนก็ได้หรือส่งกลับมาให้เราทำก็ได้ ตามมาตรา 89"ผบก.ปปป.กล่าว