MGR Online - ศาลฎีกาพิพากษาแก้สั่ง “บ้านปู” ละเมิดชดใช้เงิน 1,500 ล้าน พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 สัมปทานสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินและเหมืองแร่ประเทศลาว “ทนายบ้านปู” ระบุพอใจ คาดไม่กระทบมูลค่าหุ้น
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (6 มี.ค.) ที่ห้องพิจารณา 815 ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำที่ 2946/2550 ที่นายศิวะ งานทวี ผู้บริหารกลุ่มบริษัทด้านพลังงาน บริษัท ไทยลาวลิกไนท์ จำกัด, บริษัท หงสาลิกไนท์ จำกัด, บริษัท ไทยลาวเพาเวอร์ จำกัด และบริษัท เซาท์อีสท์ เอเชียพาวเวอร์ จำกัด ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU, บริษัท บ้านปู อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด, นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน), นายชาญชัย ชีวะเกตุ และนายองอาจ เอื้ออภิญญกุล กรรมการบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เป็นจำเลยที่ 1-6 เรื่องละเมิด เรียกค่าเสียหายจำนวนทุนทรัพย์ 63,500 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี
กรณีที่พวกจำเลยทั้งหก ร่วมกันหลอกลวงโจทก์โดยเข้าทำสัญญาร่วมทุนกับกลุ่มบริษัทโจทก์ เพื่อประสงค์จะได้ข้อมูลสัมปทานเหมืองถ่านหินและรายงานการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินลิกไนต์ ที่เมืองหงสา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว หรือ สปป.ลาว (โครงการหงสา) แต่หลังจากนั้นจำเลยใช้สิทธิไม่สุจริตในการรายงานเท็จ ทำให้รัฐบาล สปป.ลาวยกเลิกสัมปทานเหมืองถ่านหิน สัญญาก่อสร้าง และการดำเนินกิจการโรงงานผลิตไฟฟ้าของพวกโจทก์ เพื่อที่พวกจำเลยจะได้เข้าทำสัญญากับรัฐบาล สปป.ลาวแทน พวกจำเลยปฏิเสธ
คดีนี้ ศาลแพ่งมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2555 ให้ บริษัทบ้านปู จำเลยที่ 1 ส่งคืนเอกสารข้อมูลจำเพาะต้นฉบับ 13 รายการ ให้แก่นายศิวะและพวก โจทก์ที่ 1-5 โดยให้บริษัท บ้านปู กับ บจก.บ้านปู เพาเวอร์ จำเลยที่ 1 และ 3 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 4,000 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปีแก่โจทก์ นับตั้งแต่วันฟ้อง 3 ก.ค. 2550 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ รวมทั้งร่วมกันชำระค่าขาดประโยชน์ในอนาคต ตั้งแต่ปี 2558-2570 อัตราปีละ 860 ล้านบาท และอัตราปีละ 1,380 ล้านบาท นับตั้งแต่ปี 2571-2582 โดยให้ชำระภายในวันสิ้นปีของแต่ละปีด้วย รวมค่าเสียหายที่ต้องชำระแก่โจทก์ทั้งสิ้น 31,000 ล้านบาท ทั้งยังต้องชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งห้าด้วย จำนวน 5 ล้านบาท ต่อมาโจทก์และจำเลยยื่นอุทธรณ์
ต่อมาศาลอุทธรณ์ พิเคราะห์แล้วพิพากษากลับ ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 และ 3 โดยจำเลยไม่ต้องส่งคืนเอกสารข้อมูล 13 รายการให้โจทก์ทั้งห้า รวมทั้งไม่ต้องจ่ายค่าฤชาธรรมเนียมศาลด้วย ส่วนจำเลยอื่นเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คือ ให้ยกฟ้อง ขณะที่โจทก์ยื่นฎีกาขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้พวกจำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ด้วย
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือโดยละเอียดรอบคอบแล้วเห็นควรพิพากษาแก้ ให้บริษัทจำเลยที่ 1, 2 และ 3 ร่วมกันชดใช้เงินแก่โจทก์ จำนวน 1,500 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง
ภายหลัง นายเกษม พุ่มพวง ทนายความจำเลย กล่าวว่า ฝ่ายจำเลยก็พอใจกับพิพากษาที่ศาลสั่งให้จ่ายค่าเสียหายจากเอกสารข้อมูลสัมปทานเหมืองถ่านหินและรายงานการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินลิกไนต์ จำนวน 1,500 ล้านบาท ถือว่าเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่าย และคงไม่กระทบต่อมูลค่าหุ้นของบริษัท บ้านปูฯ แต่อย่างใด ส่วนการชำระค่าเสียหายนั้น จำเลยทั้งสามคงจะไปตกลงกันว่าจะจ่ายให้กับฝ่ายโจทก์อย่างเร็วที่สุดในรูปแบบใด แบ่งจ่าย หรือจ่ายครั้งเดียว แต่คงไม่มีปัญหาอะไร
ด้านนายอดุลย์ รักสนิท ทนายความของนายศิวะ โจทก์ กล่าวว่า พอใจกับคำพิพากษา โดยศาลฎีกาเห็นว่า ฝ่ายโจทก์ถูกกระทำละเมิดจริง ซึ่งศาลฎีกามีคำพิพากษาให้จำเลยที่ 1-3 ร่วมกันชดใช้เงิน 1,500 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยอีกกว่า 1,000 ล้านบาทนับแต่วันฟ้องคดี หลังจากนี้จะพิจารณายื่นฟ้องบุคคลที่นำข้อมูลในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าฯ ไปใช้หาประโยชน์