MGR Online - ศาลฎีกานักการเมืองสั่งจำคุก “พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์” อดีต ผบช.ก. 2 เดือน คดีจงใจไม่แสดงทรัพย์สินที่ดิน 53 แปลง-ห้องชุด 6 ห้อง รวม 59 รายการ รับสารภาพลดโทษเหลือติดคุก 1 เดือน
ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ.แจ้งวัฒนะ เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (27 ก.พ.) นางอุบลรัตน์ ลุยวิกกัย รองประธานศาลฎีกา เจ้าของสำนวนคดีพร้อมองค์คณะผู้พิพากษา รวม 9 คน ออกนั่งบัลลังก์ เพื่อสอบคำให้การคดีหมายเลขดำที่ อม.250/2560 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) ผู้ร้อง พล.ต.ท. หรือนายพงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ หรือ “เดอะกิ๊ก” อายุ 64 ปี อดีต ผบช.ก. ผู้ถูกกล่าวหาฐานจงใจแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ หรือปกปิดทรัพย์สินฯ ที่ต้องยื่นต่อ ป.ป.ช. ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันแลปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 39, 40 ขณะเข้าดำรงตำแหน่ง ผบช.ก. เมื่อปี 2555
โดยวันนี้ศาลได้เบิกตัวนายพงศ์พัฒน์มาจากเรือนจำคลองเปรม เพื่อสอบถาม และเมื่อศาลอธิบายให้ฟังนายพงศ์พัฒน์ฟังแล้วได้ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
ศาลพิเคราะห์คำร้องของ ป.ป.ช. และเอกสารประกอบคำร้องแล้วเห็นว่า ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช. มาตรา 4, 39 และ 40 และประกาศของ ป.ป.ช.ว่าด้วยการกำหนดตำแหน่งเจ้าหน้าที่รัฐที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ ได้บัญญัตินิยามเจ้าหน้าที่รัฐและหน้าที่การยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินเพื่อการตรวจสอบขณะดำรงตำแหน่ง โดยให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ คู่สมรส และบุตร ยื่นแสดงบัญชี รวม 3 ช่วง คือ เมื่อเข้ารับตำแหน่ง, เมื่อดำรงตำแหน่งครบทุก 3 ปี และเมื่อพ้นจากตำแหน่ง โดยตำแหน่ง ผบช.ก.ได้ระบุไว้ในลำดับที่ 7 ของประกาศ ป.ป.ช. ดังนั้น นายพงศ์พัฒน์ผู้ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐตามกฎหมายซึ่งมีหน้าที่ต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สิน
นอกจากนี้ยังได้ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผบช.ก. เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2553 ต่อมาวันที่ 24 ต.ค. 2555 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่งโดยไม่แสดงทรัพย์สิน คือ ที่ดิน 53 แปลง ห้องชุด 6 ห้อง รวมทรัพย์สิน 59 รายการ โดย ป.ป.ช. ผู้ร้องได้ให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงเหตุที่ไม่ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินดังกล่าว ซึ่งผู้ถูกกล่าวหารับว่าทรัพย์สินเป็นของตนเองจริง แต่จำไม่ได้ว่าเหตุใดจึงไม่ได้แสดงทรัพย์สินดังกล่าว ศาลเห็นว่าคำชี้แจงของผู้ถูกกล่าวหาไม่มีเหตุผลให้รับฟัง พฤติการณ์บ่งชี้ว่าไม่ใส่ใจยื่นบัญชีทรัพย์สินดังกล่าวให้ถูกต้องตามกฎหมายกำหนด ซึ่งการยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นหน้าที่สำคัญของเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อให้มีข้อมูลไว้ตรวจสอบตลอดการดำรงตำแหน่งว่ามีทรัพย์สินที่เพิ่มผิดปกติหรือไม่ จึงฟังได้ว่าผู้ถูกกล่าวหา จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จต่อ ป.ป.ช.
ศาลพิพากษาว่า นายพงศ์พัฒน์ ผู้ถูกกล่าวหา จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีเข้าดำรงตำแหน่ง ผบช.ก. ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 39 และ 40 ประกอบมาตรา 32 และมาตรา 33 ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐเฉพาะตำแหน่งตามมาตรา 39 และมาตรา 40 เป็นเวลา 5 ปีนับแต่วันที่ 23 พ.ย. 2557 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่ง ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 41 วรรคหนึ่ง และมีความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ให้จำคุก 2 เดือน ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 เดือน และให้นับโทษจำคุกต่อจากโทษของจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.293/2558 คดีหมายเลขแดงที่ อ.565/2558 คดีหมายเลขแดงที่ อ.566/2558 และคดีหมายเลขแดงที่ ฟย.2/2558 ของศาลอาญา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังฟังคำพิพากษา พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์กล่าวสั้นๆ ว่า ขอบคุณที่มาร่วมติดตามคดี ตอนนี้ตนเองสุขภาพแข็งแรงดี
สำหรับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ อดีต ผบช.ก. วัย 64 ปี ก่อนหน้านี้ถูกฟ้องและพิพากษาคดีอาญา รวม 7 สำนวน เมื่อปี 2558 ในความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง, คดีเรียกรับส่วยแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจใน บช.ก., คดีเรียกรับส่วยน้ำมันเถื่อน, คดีลักลอบเปิดบ่อนการพนันย่านพระราม 9, คดีร่วมกันฟอกเงิน, คดีกระทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้, คดีลักลอบครอบครองโบราณวัตถุ และคดีรับของโจร รวมจำคุกทั้งสิ้น 36 ปี 3 เดือน