MGR Online - ผบก.ป.“ขอเว้นระยะสื่อ” คดีหวย 30 ล้าน จ่อใกล้อวสาน 28 ก.พ.นี้รู้ผล เด้งอีก! รองผู้กำกับ สภ.เมืองกาญจน์ พร้อมรองสารวัตร ชุดทำคดี มาปฏิบัติหน้าที่ บก.ป. เค้นสอบ “เจ๊กุ้ง” กว่า 8 ชม.ให้ขัดแย้งสำนวนภาค 7 ยันเห็นแค่ตัวเลข 26 ไม่ใช่ 726 พร้อมระบุไปตลาดเรดซิตี้ 27 ต.ค.ไม่ใช่ 31 ต.ค.
จากกรณี พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะปฏิบัติราชการแทน ผบ.ตร. และผอ.ศปก.ตร. ลงนามในคำสั่ง ศปก.ตร.ที่ 10/2561 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการ ศปก.ตร. สรุปว่าหลังจากโอนสำนวนการสอบสวนคดีที่ ร.ต.ท.จรูญ วิมล และนายปรีชา ใคร่ครวญ เกี่ยวกับคดีหวย 30 ล้านบาท เพื่อให้พนักงานสอบสวนกองปราบปรามทำการสอบสวนฝ่ายเดียว เนื่องจากคณะพนักงานสอบมีความจำเป็นต้องรวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิดเพื่อหาข้อเท็จจริงและพิสูจน์ให้เห็นความผิด ดังนั้น เพื่อให้การสืบสวนเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะปฏิบัติราชการการแทน ผบ.ตร. และ ผอ.ศปก.ตร. จึงให้ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ไปปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร. โดยให้ขาดจากต้นสังกัด เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ ผอ.ศปก.ตร.มอบหมาย โดยให้ไปรายงานตัวกับพล.ต.ท.สุรพล พินิจชอบ ผบช.ประจำสำนักงาน ผบ.ตร. ในวันที่ 22 ก.พ. 2561 เวลา 14.00 น. ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะแล้วเสร็จ ขณะที่วานนี้ตำรวจกองปราบปรามได้เชิญตัวนางดุษดี หรือกุ้ง เจ้าหน้าที่ศาลมาสอบปากคำ ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
วันนี้ (23 ก.พ.) ที่กองปราบปราม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศตลอดทั้งวันที่ผ่านมาได้มีสื่อมวลชนจากหลายสำนักต่างเดินทางมาเกาะติดเฝ้ารอทำข่าวความคืบหน้ากรณีหวย 30 ล้าน ขณะที่ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามความคืบหน้ากับทางชุดทำงานแต่กลับไม่มีผู้ใดให้ข่าว เป็นผลมาจากการที่ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป.ได้ขอเว้นระยะกับสื่อมวลชนไปก่อนหน้านี้ จนกระทั่งต่อมา พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป.ได้ลงมาจากอาคารที่ทำการกองบังคับปราบปราม ก่อนเปิดเผยความคืบหน้าต่อสื่อมวลชนที่มาปักหลักเพียงสั้นๆ ว่า “วันนี้มีประชุมความคืบหน้าทางคดี แต่ขอไม่บอกว่าที่ไหน” สื่อมวลชนไม่ต้องรอ ต่อไปนี้ไม่มีประชุมเรื่องหวยที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว
ทั้งนี้ ภายหลังการให้สัมภาษณ์ พล.ต.ต.ไมตรีได้หันมายิ้มให้กับผู้สื่อข่าวก่อนจะขึ้นรถออกไปประชุมทันที อย่างไรก็ตาม การที่ พล.ต.ต.ไมตรีได้พบเจอผู้สื่อข่าวและกล่าวทักทายถือว่าเป็นเรื่องดีหลังจาก ผบก.ป.ได้เอ่ยวลีเด็ด “ขอเว้นระยะห่างจากสื่อมวลชน” เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา
มีรายงานว่า หลังจากวานนี้ทางตำรวจกองปราบปรามได้เชิญตัวนางดุษดี หรือกุ้ง เจ้าหน้าที่ศาล มาสอบปากคำ โดยตำรวจได้ใช้เวลาในการสอบปากคำนานกว่า 7-8 ชั่วโมง กระทั่งเวลาประมาณ 23.00 น.ของคืนวันที่ 22 ก.พ. นางดุษดี หรือกุ้ง ก็ได้เดินลงมาจากห้องสอบปากคำที่อาคาร 2 ภายในกองปราบปราม โดยปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าว
สาเหตุที่ตำรวจกองปราบปรามได้เชิญตัวนางดุษดี หรือกุ้ง มาสอบปากคำนั้น เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงในบางประเด็นที่ขัดแย้งต่อหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ และข้อมูลทางการสอบสวนที่ตำรวจกองปราบปรามพบ โดยเฉพาะประเด็นที่ทางตำรวจภูธรภาค 7 ได้ระบุในสำนวนว่าเจ๊กุ้งเป็นผู้เห็นลอตเตอรี่เลขท้าย 726 โผล่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อครูปรีชา ทำให้พนักงานสอบสวนกองปราบปรามต้องนำตัวมาสอบปากคำว่าสอดคล้องกับสำนวนเดิมหรือไม่
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าในการสอบปากคำนางดุษดี หรือกุ้ง ได้ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และให้การต่างจากในสำนวนของตำรวจภูธรภาค 7 โดยเฉพาะในประเด็นเห็นลอตเตอรี่เลขท้าย 726 โผล่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อครูปรีชา ซึ่งนางดุษดีให้การว่าเห็นครูปรีชาซื้อลอตเตอรี่บนแผงที่มีเลข 26 จึงขอแบ่งซื้อ แต่ไม่ได้เห็นเลข 726 ในกระเป๋าเสื้อครูปรีชา ซึ่งนางกุ้งเองแปลกใจว่าในสำนวนของตำรวจกาญจนบุรีระบุเช่นนี้ได้อย่างไร
นอกจากนี้ ในสำนวนของตำรวจภูธรภาค 7 ระบุว่า นางดุษดี หรือกุ้ง ไปตลาดเรดซิตี้วันอังคารที่ 31 ตุลาคม แต่นางดุษดีระบุว่าไปที่ตลาดดังกล่าวในวันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม สอดคล้องกับการที่มีพยานเห็นเจ๊กุ้งสวมใส่ชุดผ้าไทย และตรงกับข้อมูลที่ทำงานต้นสังกัดมีนโยบายให้เจ้าหน้าที่ใส่ชุดผ้าไทยทุกวันศุกร์ จึงเชื่อได้ว่า เจ๊กุ้งและครูปรีชาเจอกันที่ตลาดเรดซิตี้วันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม ไม่ใช่วันที่ 31 ตุลาคมตามที่ให้การ
มีรายงานว่า สำหรับสำนวนที่กองปราบปรามทำขณะนี้มี 2 คดี ได้แก่ 1. คดีที่ครูปรีชา ใคร่ครวญ แจ้งความดำเนินคดีข้อหายักยอกทรัพย์ต่อ ร.ต.ท.จรูญ กับ 2. คดีที่ ร.ต.ท.จรูญแจ้งความดำเนินคดีต่อครูปรีชาในข้อหาแจ้งความเท็จ เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับโทษทางอาญา โดยในส่วนของสำนวนคดีที่ 1 นั้น ตำรวจภูธรภาค7 รวบรวมหลักฐานประกอบทำสำนวนไว้เสร็จแล้ว คงเหลือแต่สำนวนคดีที่ 2 ที่ยังไม่คลี่คลายในข้อเท็จจริง ซึ่งทางตำรวจกองปราบปรามอยู่ระหว่างการเร่งสอบปากคำและรวมรวมหลักฐานให้สำนวนแล้วเสร็จและสมบูรณ์ ก่อนจะแถลงความคืบหน้าคดีในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.เดชา กัลยาวุฒิพงศ์ รอง ผบก.ปฏิบัติหน้าที่แทน ผบก.ทพ. มีหนังสือบันทึกข้อความด่วนที่สุดจากกองทะเบียนพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 0009232/960 ลงวันที่ 22 ก.พ. เรื่องให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการในสังกัด ตร. ผ่านเรียน ผบช.ภ.7 และผบช.ก. มีใจความว่า ด้วย ตร. มีบันทึกลงวันที่ 22 ก.พ. 61 อนุมัติให้ พ.ต.ท.ชูวิทย์ เจริญนาค รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองกาญจนบุรี และ ร.ต.อ.จิรยุทธ์ ชัชรินทร์กุล รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองกาญจนบุรี ปฏิบัติราชการที่ บก.ป. โดยขาดจากตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ ผบก.ป.มอบหมาย นับตั้งแต่ 22 ก.พ. 61 เป็นต้นไป จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ต่อมาทาง สภ.เมืองกาญจนบุรี ต้นสังกัดของนายตำรวจทั้งสองได้มีหนังสือด่วนที่สุดที่ 0022 (กจ.) 34/1489 ลงวันที่ 23 ก.พ. ลงนามโดย พ.ต.อ.ทศพร ปทุมยา ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี เรื่องส่งตัวข้าราชการตำรวจ เรียนผ่าน ผบก.ป. ใจความว่า ตามที่ ตร.มีบันทึกลงวันที่ 22 ก.พ. 61 อนุมัติให้ พ.ต.ท.ชูวิทย์ เจริญนาค ตำแหน่งรอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองกาญจนบุรี ตำแหน่งเลขที่ สกต.236 ไปปฏิบัติราชการที่ บก.ป.โดยขาดจากตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ ผบก.ป.มอบหมาย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ. 61 เป็นต้นไปนั้น สภ.เมืองกาญจนบุรี ขอส่งตัว พ.ต.ท.ชูวิทย์ เจริญนาค ตำแหน่งรอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองกาญจนบุรี เดินทางมาปฏิบัติหน้าที่ตามที่ ตร.สั่งการ โดยให้เดินทางจาก สภ.เมืองกาญจนบุรี ตั้งแต่วันที่ 23 ก.พ. 61 เวลา 11.00 น. เมื่อรับตัวไว้ปฏิบัติหน้าที่แล้วโปรดแจ้งให้ทราบด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่าสาเหตุของการย้ายนายตำรวจทั้งสองนาย คือ พ.ต.ท.ชูวิทย์ เจริญนาค รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองกาญจนบุรี และ ร.ต.อ.จิรยุทธ์ ชัชรินทร์กุล รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองกาญจนบุรี ปฏิบัติราชการที่ บก.ป. นั้น เนื่องจาก ร.ต.อ.จิรายุทธ์ เป็นพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบสำนวนคดีหวยอลเวง อีกทั้งชุดสืบสวนของกองปราบปรามสืบสวนสอบสวนพบว่า ร.ต.อ.จิรายุทธ์ เป็นพนักงานสอบสวนที่เปลี่ยนแปลงคำให้การในสำนวนหลายครั้ง ด้วยการเพิ่มข้อเท็จจริงที่ได้มาภายหลังลงไปในคำให้การเดิม และยังลงวันที่ย้อนหลังอีกด้วย
ขณะที่ พ.ต.ท.ชูวิทย์ มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องของการที่สั่งการด้วยวาจาให้ทาง ร.ต.อ.จิรายุทธ์ เปลี่ยนแปลงคำให้การในสำนวนหลายครั้ง โดยเฉพาะคำให้การของ น.ส.รัตนาพร และ น.ส.พัชริดา เพื่อให้กลมกลืนสอดคล้องกัน เสมือนว่าเป็นการสอบสวนข้อเท็จจริงในครั้งแรก ทำให้พยานหลักฐานของฝ่ายนายปรีชามีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ส่งผลต่อการมีความเห็นทางคดีของพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ และอาจส่งผลต่อการพิจารณาคดีในชั้นศาลได้ และพ.ต.ท.ชูวิทย์ เป็นบุคคลที่ทราบมาโดยตลอดว่าสำนวนการสอบสวนมีการแก้ไข อีกทั้งยังเป็นผู้ลงนามในการในหนังสืออายัดเงินบัญชีของ ร.ต.ท.จรูญ ตามคำสั่งของพล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี