MGR Online - ผบก.กาญจน์ ทำหนังสือถึงจเรตำรวจ อ้างติดอบรมหลักสูตรการบริหาร การรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคมภาครัฐร่วมเอกชน ที่เชียงราย ขอเลื่อนรายงานตัวที่ ศปก.ตร. เตือนสื่อมวลชนเผยแพร่เอกสารสำนวนพฤติการณ์ พล.ต.ต.สุทธิ มีความผิดทางอาญาเพราะเป็นเอกสารลับทางราชการ
วันนี้ (22 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่มีคำสั่งย้าย พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี มาปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) เพื่อเปิดทางให้มีการสืบสวนคดีพิพาทแย่งกรรมสิทธิ์สลากกินแบ่งงวดวันที่ 1 พ.ย. 2560 ที่ถูกรางวัลที่ 1 มูลค่า 30 ล้านบาท ว่าเหตุผลที่ต้องมีการสั่งย้าย พล.ต.ต.สุทธิ เนื่องจากพนักงานสอบสวนต้องเร่งรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดีให้มีประสิทธิภาพและเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย หากเจ้าตัวยังอยู่ในพื้นที่อาจจะเข้าไปยุ่งเหยิงกับขั้นตอนการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานทั้งวัตถุพยานและพยานบุคคล ตนจึงออกคำสั่งดังกล่าว อย่างไรก็ตาม หากสอบสวนแล้วไม่มีความผิดก็สามารถสั่งให้กลับไปปฏิบัติหน้าที่เดิมได้ แต่หากพบมีความผิดจริงก็ต้องถูกดำเนินการทางวินัยและถูกดำเนินคดีอาญา
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด พล.ต.ต.สุทธิได้ทำหนังสือขอเลื่อนการเข้ารายงานตัวที่ ศปก.ตร. โดยให้เหตุผลว่าติดเข้ารับการอบรมหลักสูตรการบริหาร การรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคมภาครัฐร่วมเอกชน (บรอ.) ที่จัดโดยกองบัญชาการศึกษา และขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาดูงานที่ จ.เชียงราย ซึ่ง พล.ต.ต.สุทธิแจ้งว่าอีกไม่เกิน 2 วันจะกลับมาและรีบมารายงานตัว ขอทุกฝ่ายไม่ต้องกังวล เพราะไม่ว่าอย่างไร พล.ต.ต.สุทธิก็จะต้องเดินทางมารายงานตัวอย่างแน่นอน
“กรณีที่ออกคำสั่งย้าย เพื่อให้การสอบสวนเกิดความเป็นธรรม เริ่มประเด็นมันมีมูล แต่ชัดเจนหรือไม่ เอาตัวออกมาก่อน เพื่อให้การรวบรวมพยานหลักฐานสามารถดำเนินการไปได้ เพื่อไม่ให้เขาไปยุ่งเกี่ยว ในคำสั่งของผมไม่ได้ระบุว่าเขาแทรกแซงการสอบสวน แค่ไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ผมไม่ได้ใช้คำพูดว่าแทรกแซง แต่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสำนวน เราเชื่อว่าเขาอาจจะส่งผลต่อการสอบสวนของคณะกรรมการ จึงมีคำสั่งให้ออกมาจากพื้นที่ เพื่อให้คณะกรรมการได้สอบสวนอย่างเป็นกลาง” พล.ต.อ.สุชาติกล่าว และว่าส่วน พล.ต.ต.สุทธิ เจตนาหรือพลั้งเผลอ ตนตอบไม่ได้ เพราะผลการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ตนหรือใครก็ตอบไม่ได้ ใครที่ส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไม่ต้องห่วงว่าเจ้าหน้าที่จะละเว้น คณะกรรมการสอบสวนต้องรวบรวมพยานหลักฐานอย่างเป็นธรรมและมีเหตุมีผลที่จะชี้มูลความผิดของแต่ละคนได้ ไม่มีใครสามารถไปก้าวล่วงได้
พล.ต.อ.สุชาติกล่าวว่า สำหรับตำรวจนายอื่นๆ ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องนั้นต้องรอผลการสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ว่าใครบ้างที่มีความผิด ทั้งทางวินัยหรืออาญา โดยคาดว่าจะสามารถสรุปได้ภายในสัปดาห์นี้ หากพบว่าตำรวจนายใดมีความผิด พนักงานสอบสวน บก.ป.ก็อาจจะส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อ ทั้งกองบังคับการปราบการกระทำผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (ปปป.) รับคำร้องทุกข์ดำเนินคดี ก่อนส่งต่อให้ ป.ป.ท.กรณีที่เป็นข้าราชการตำรวจระดับต่ำกว่า พ.ต.ท. หรือหากระดับสูงกว่านั้นก็ส่งให้ ป.ป.ช.ดำเนินการ
พล.ต.อ.สุชาติยังได้กล่าวถึงกรณีที่มีสื่อมวลชนเผยแพร่เอกสารระบุรายละเอียดพฤติการณ์ของ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารราชการลับ การเผยแพร่เอกสารลับอาจมีความผิดอาญาได้ ขอสื่อมวลชนตระหนักและอย่าเผยแพร่จะดีกว่า