xs
xsm
sm
md
lg

ศาลยกฟ้องมือยิง M79 ใส่เวที กปปส.แจ้งวัฒนะ ชี้หลักฐานไม่เพียงพอ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

 แฟ้มภาพจำเลย ยิงผู้ชุมนุมกลุ่ม กปปส.
ศาลยกฟ้อง 4 จำเลยคดียิงระเบิด M 79 ใส่เวที กปปส.แจ้งวัฒนะ เมื่อปี 2557 เหตุพยานหลักฐานไม่เพียงพอ แต่ทั้งหมดยังมีโทษจำคุกตลอดชีวิตคดีระเบิดเวที กปปส.หน้าห้างบิ๊กซี ราชดำริ ตามคำพิพากษาศาลฎีกา

ที่ห้อง 809 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก วันนี้ (1 ก.พ.) ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.3988/2559 ที่พนักงานอัยการคดีพิเศษฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายชัชวาล ปราบบำรุง หรือ ชัช อายุ 48 ปี, นายทวีชัย วิชาคำ หรือชัย อายุ 41 ปี, นายสุนทร ผิผ่วนนอก หรือป๋าทร อายุ 52 ปี และนายสมศรี มาฤทธิ์ หรือเยอะ อายุ 43 ปี จำเลย ที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และพยายามก่อให้เกิดระเบิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 221, 288, 289 ประกอบมาตรา 32, 33, 80, 81 และ พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน พ.ศ. 2490, พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 ซึ่งจำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ

อัยการโจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2557 เวลากลางคืน จำเลยทั้งสี่กับพวกหลายคนที่หลบหนีและยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน โดยจำเลยกับพวกร่วมกันมีอาวุธปืนขนาด 40 มม. หรือระเบิด M79 จำนวน 1 กระบอก และลูกระเบิดยิงชนิดสังหาร (เอชอี) ขนาด 40 มม.อีกจำนวนหลายลูก และอาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9 มม. ไม่มีเครื่องหมายนายทะเบียนอีก 2 กระบอก กับกระสุนปืนขนาด 9 มม.ไม่ทราบจำนวน มีไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จากนั้นจำเลยทั้งสี่กับพวกร่วมกันนำอาวุธปืนและเครื่องกระสุนดังกล่าวไปตามถนนวิภาวดีรังสิต ขาเข้า และถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. การกระทำนั้นจำเลยทั้งสี่กับพวกได้ไตร่ตรองไว้ก่อน โดยตระเตรียมอาวุธปืนและเครื่องกระสุนที่เป็นยุทธภัณฑ์ดังกล่าวเพื่อไปใช้ในการกระทำผิดที่มีการวางแผนล่วงหน้า ซึ่งมีการร่วมกันใช้อาวุธปืนเอ็ม 79 เล็งและยิงเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองที่เรียกตัวเองว่า “คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข” หรือ กปปส. ซึ่งกำลังชุมนุมอยู่ที่ถนนแจ้งวัฒนะ ศูนย์ราชการ จนกระทั่งทำให้เกิดระเบิด โดยสะเก็ดระเบิดได้ทำให้นายสุวรรณ์ แก้วพุฒ ได้รับบาดเจ็บที่ขา-สะโพก-ซี่โครงด้านขวาและต้นคอ และถูกที่ขาซ้ายกับไหล่ขวาของนายณัฎฐวิช พูนวศินมงคล หรืออาคม แซ่เตียว ซึ่งเป็นผู้เข้าร่วมชุมนุมกับ กปปส.แล้ว เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2557 เวลากลางคืน จำเลยทั้งสี่กับพวกที่หลบหนียังร่วมกันใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนยิงใส่ประชาชนทั่วไปที่อยู่หรือผ่านบริเวณห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขาแจ้งวัฒนะ จากนั้นวันที่ 10 เม.ย. 2557 จำเลยที่ 1-2 กับพวกหลายคนที่หลบหนีก็ยังร่วมกันใช้อาวุธปืนนั้นยิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.ที่ชุมนุมบริเวณถนนแจ้งวัฒนะ ใกล้กับศูนย์ราชการอีก 2 ลูก ทำให้นายยุทธนนท์ สงทอง ผู้ร่วมชุมนุมได้รับบาดเจ็บจากการถูกสะเก็ดระเบิดที่ต้นขาและหน้าท้อง

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 6 นายแล้วเห็นว่า พยานได้เล่าเหตุการณ์เป็นลำดับเชื่อมโยงกัน แต่พยานทั้งหมดนั้นเป็นเพียงพยานบอกเล่าภายหลังเกิดเหตุการณ์ทั้ง 3 ครั้งเท่านั้น ไม่ได้รู้เห็นเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นโดยตรง

ส่วนพยานปากผู้เสียหายทั้งสามที่มาเบิกความ แม้จะเป็นประจักษ์พยานอยู่ในที่เกิดเหตุแต่ก็เบิกความเหมือนกันว่าไม่เห็นคนร้ายและไม่ทราบว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใด

นอกจากนี้ คำเบิกความของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ประกอบบันทึกการตรวจสถานที่เกิดเหตุ รวมทั้งแผนที่และภาพถ่าย แสดงสถานที่เกิดเหตุเกี่ยวกับจุดที่สันนิษฐานว่าคนร้ายใช้ยิงลูกระเบิดชนิด M79 ในวันที่ 8 ก.พ. 2557 ว่าเป็นบริเวณในซอยแจ้งวัฒนะ 12 ที่ห่างจากห้องน้ำชั่วคราวของกลุ่ม กปปส.ประมาณ 400 เมตรนั้น ก็ปรากฏข้อเท็จจริงว่าบริเวณดังกล่าวเป็นที่โล่งแจ้ง ประชาชนทั่วไปสามารถสัญจรผ่านได้ และยังมีจุดตรวจย่อยของทหารซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียง 250 เมตร ขณะที่จุดสันนิษฐานคนร้ายใช้ยิงลูกระเบิดชนิด M79 เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2557 ว่าเป็นถนนเลียบคลองประปา นั้นก็ได้ความจากการซักค้านของทนายจำเลยว่า มีจุดตรวจร่วมทหารตำรวจ อยู่ห่าง 200-300 เมตร ส่วนจุดเกิดเหตุวันที่ 10 เม.ย. 2557 ว่าเป็นบริเวณจุดกลับรถ หน้าบริษัทไปรษณีย์ไทยฯ ใกล้แยกหลักสี่นั้นได้ความจากคำเบิกความตอบคำถามค้านของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า การระบุจุดที่สันนิษฐานว่าคนร้ายใช้ก่อเหตุเป็นการเขียนขึ้นภายหลัง นอกจากนี้ยังได้ความว่าช่วงที่มีการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. มีการตั้งล้อยางรถยนต์กั้นบริเวณแยกหลักสี่ มุ่งหน้าถนนแจ้งวัฒนะ ไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไป หากบุคคลใดรวมถึงเจ้าพนักงานจะเข้าไปบริเวณดังกล่าวจะต้องได้อนุญาตจากการ์ดผู้ชุมนุม กปปส.

พยานทั้งหมดของโจทก์จึงเป็นเพียงคาดเดา และเป็นข้อสันนิษฐานของพนักงานสอบสวนกับผู้เกี่ยวข้องโดยไม่มีพยานหลักฐานใดบ่งเฉพาะยืนยันว่าเป็นการยิงจากจุดดังกล่าว ซึ่งหากยิงลูกระเบิดชนิด M79 จากจุดสันนิษฐานที่มีทหารที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการใช้อาวุธอยู่เป็นประจำ ถ้ามีเสียงดังจากลูกระเบิดก็ย่อมสามารถติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุได้ทันท่วงที อีกทั้งยังผิดวิสัยของคนร้ายด้วยว่าส่วนใหญ่จะปกปิดไม่ให้บุคคลอื่นล่วงรู้ ประกอบกับคดีนี้ก็ไม่ปรากฏว่าพบเครื่องยิงระเบิดชนิด M79 ที่ใช้ก่อเหตุทั้ง 3 ครั้ง เพื่อจะนำมาตรวจสอบหาลายนิ้วมือแฝง คงมีเพียงผลตรวจพิสูจน์เศษสะเก็ดระเบิดที่เกิดขึ้นทั้ง 3 ครั้งเท่านั้น และยังไม่ปรากฏว่าพบอาวุธที่ใช้ในกระทำความผิดในบ้านของจำเลยตามที่ตำรวจเคยเบิกความ ส่วนการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ในเส้นทางตามที่โจทก์อ้างว่าคนร้ายใช้เส้นทางหลบหนีก็ไม่ปรากฏภาพของจำเลยทั้งสี่ใช้เส้นทางดังกล่าวตามที่พยานโจทก์อ้าง

เมื่อโจทก์ไม่มีประจักษ์พยานที่รู้เห็นตัวผู้กระทำความผิดมาเบิกความยืนยันว่าจำเลยทั้งสี่เป็นคนร้ายอีกทั้งจำเลยก็ให้การปฏิเสธมาโดยตลอด พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาไม่พอฟังว่าจำเลยทั้งสี่เป็นคนร้ายที่ร่วมกันใช้เครื่องระเบิดชนิด M79 ในคดีนี้ จึงพิพากษายกฟ้อง แต่ให้ริบเศษสะเก็ดวัตถุระเบิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายชัชวาล ปราบบำรุง จำเลยที่ 1, นายทวีชัย วิชาคำ, นายสุนทร ผิผ่วนนอก และนายสมศรี มาฤทธิ์ จำเลยที่ 1-4 ถูกศาลฎีกาพิพากษาประหารชีวิตและลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2560 จากเหตุการณ์ระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.ที่เวทีบิ๊กซี ราชดำริ ปี 2557 อีกด้วย ซึ่งขณะนี้จำเลยทั้งสี่คนถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร


กำลังโหลดความคิดเห็น