MGR Online - ตร.ท่องเที่ยว รวบตัวการใหญ่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวไต้หวัน ขณะเตรียมเดินทางออกนอกประเทศ ลุยจับสมาชิกทำหน้าที่กดเงินได้อีกเพียบ พบมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้าน ด้าน “รองสุรเชษฐ์” สุดปลื้ม ปชช. ตกเป็นเหยื่อน้อยลง
วันนี้ (21 ม.ค.) ที่กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 (บก.ทท.1) พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. แถลงผลการจับกุม นายหลัวลุ่ยเจี๋ย หรือ สือโถว อายุ 23 ปี ตัวการใหญ่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ชาวไต้หวัน ได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ที่ผ่านมา ขณะกำลังเดินทางออกนอกประเทศ พร้อมของกลางเป็นสมุดบัญชีธนาคาร 2 เล่ม
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากการขยายผลหลังจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ทำหน้าที่กดเงินได้เมื่อวันที่ 17 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยสามารถจับกุม 3 ผู้ต้องหาสัญชาติไต้หวัน ที่ทำหน้าที่กดเงินในเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ ได้ที่วิวเพลสแมนชั่น เขตบางกะปิ คือ นายซือ เซิน หง อายุ 20 ปี นายเชิน ฮ่าว เจ๋ อายุ 24 ปี และ นายหวัง เหวิน ชง อายุ 23 ปี พร้อมของกลางเป็นสมุดบัญชีธนาคารจำนวน 5 เล่ม บัตรเอทีเอ็ม จำนวน 4 ใบ เงินสด 90,600 บาท รวมถึงใบเสร็จกดเงินตามตู้ต่างๆ จากการสอบปากคำ 3 ผู้ต้องหาให้การซัดทอด นายหลัวลุ่ยเจี๋ย หรือ สือโถว สัญชาติไต้หวัน เป็นตัวการใหญ่ที่เป็นผู้นำบัตรกดเงิน สมุดบัญชี มาให้ พร้อมกับสอนวิธีการกดเงิน รวมทั้งเป็นผู้สั่งการ ตำรวจจึงออกหมายจับนายสือโถว
ขณะที่ในวันที่ 20 ม.ค. ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาสัญชาติไต้หวัน ได้เพิ่มเติมที่ร้านกาแฟย่านแพรกษาใหม่ จ.สมุทรปราการ คือ นายแหยน เชิง เลียน อายุ 21 ปี นายเหลียง เกิ่น ปิน อายุ 25 ปี พร้อมของกลาง เป็นบัตรเอทีเอ็ม 1 ใบ สมุดบัญชีธนาคาร 2 เล่ม เงินสด 30,000 บาท ใบบันทึกรายการถอนเงิน และจากการสอบปากคำ 2 ผู้ต้องหาให้การซัดทอดถึงนายสือโถวด้วยเช่นกัน
เบื้องต้นพบว่ามูลค่าความเสียหายเฉพาะแก๊งของนายสือโถว เกือบ 100 ล้าน ตำรวจแจ้งข้อหากับผู้ต้องหาทั้งหมด ในข้อหา “ร่วมกันมีไว้เพื่อนำออกใช้ และร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ล่าสุด ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ได้อีก 5 ราย ขณะนี้กำลังสอบปากคำและรอศาลออกหมายจับ โดยตำรวจทราบผู้เป็นเจ้าของคอลเซ็นเตอร์แล้ว เป็นชาวต่างชาติ และพำนักอยู่ต่างประเทศ และในวันศุกร์นี้ จะเดินทางไปพบตำรวจสันติบาลมาเลเซีย เพื่อหารือในการจับกุมเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ในต่างประเทศด้วย อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้จะมีการคืนเงินให้กับผู้เสียหายอีก 2 ราย จำนวนกว่า 7 ล้านบาท และจากสถิติพบว่าสัปดาห์นี้มีผู้เสียหายเพียง 2 คนเท่านั้น นอกจากนั้น เป็นเพียงการแจ้งเบาะแส แต่ไม่มีการโอนเงิน ซึ่งถือว่าเป็นที่น่าพอใจมากที่ประชาชนเกิดการรับรู้และตกเป็นเหยื่อน้อยลง
สำหรับคดีเกี่ยวกับแก๊งคอลเซนเตอร์ทั้งหมดนั้น ตำรวจรับแจ้งเป็นคดี ทั้งหมด 287 คดี มูลค่าความเสียหายรวม 144 ล้านบาท ยึดอายัดได้ประมาณ 12 ล้าน เป็นเงินสดประมาณ 7 ล้าน ทรัพย์สินอีก 5 ล้าน ซึ่งจะเร่งดำเนินการนำเงินคืนผู้เสียหาย นอกจากนี้ ยังพบว่ามีคนไทยที่รับจ้างเปิดบัญชีทั้งหมด 173 ราย อยู่ระหว่างติดตามจับกุม