MGR Online - ปธ. คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงคดีครูจอมทรัพย์ แจงมีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ 2 ชุด เข้ามาดำเนินการรื้อฟื้นคดี หลังนำตัวผู้ต้องหาเข้าเครื่องจับเท็จพบว่า มีพิรุธเกิดขึ้นจนศาลไม่รับเป็นพิจารณาและยกคำร้อง แต่ยังตอบไม่ได้ว่าดีเอสไอปั้นหลักฐานเท็จหรือไม่
วันนี้ (20 ธ.ค.) เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุม กระทรวงยุติธรรม 2 ชั้น 8 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ นายวัลลภ นาคบัว ผอ.สำนักงานกิจการยุติธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการรับรื้อฟื้นคดีอาญาฯ แถลงสรุปผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงการรื้อฟื้นคดีอาญาให้กับ นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อดีตข้าราชการครูชาว จ.สกลนคร ในข้อหาขับรถชนคนตาย
นายวัลลภ กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากกระทรวงยุติธรรม ให้ตรวจสอบกรณีดังกล่าว คือ การตรวจสอบเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใต้กระทรวงยุติธรรมตั้งแต่ปี 57 จนถึงปัจจุบัน โดยคณะกรรมการเน้นตรวจสอบข้อเท็จจริงจากหนังสือราชการเป็นหลัก เริ่มตั้งแต่การทำงานของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอชุดที่ 1 ช่วงระหว่างวันที่ 24 ต.ค. 57 - 8 ม.ค. 58 โดยขั้นตอนการขอรับความช่วยเหลือจากกระทรวงยุติธรรม มีญาตินางจอมทรัพย์มาติดต่อขอความเป็นธรรม ต่อมาเป็นขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อยื่นคำร้องขอรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นมาพิจารณาใหม่ มีการลงพื้นที่ตรวจสอบหลักฐานต่างๆ ก่อนนำข้อมูลทั้งหมดให้ญาตินางจอมทรัพย์ ซึ่งทาง กระทรวงยุติธรรม ได้ออกค่าจ้างทนายความจากภายนอกเข้ามาช่วยเหลือยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อรื้อฟื้นคดี ก่อนสุดท้ายมีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอบางรายเกษียณอายุราชการ
“จากนั้น มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอชุดที่ 2 เข้ามาทำงานต่อ ตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค. 58 เป็นต้นมา พร้อมดำเนินการในขั้นตอนการพิจารณาคำร้องขอรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ในชั้นศาล และ ขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐานหลังจากศาลรับคำร้องขอรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นมาพิจารณาใหม่ โดยได้นำรถยนต์คันก่อเหตุไปตรวจสอบหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ และนำตัว นางจอมทรัพย์, นายสับ วาปี และ นายสุริยา นวลเจริญ หรือ ครูอ๋อง เข้าเครื่องจับเท็จ พบว่า มีข้อพิรุธเกิดขึ้น และศาลไม่รับพิจารณา กระทั่งสุดท้ายศาลยกคำร้องไม่รื้อฟื้นคดีดังกล่าว”
นายวัลลภ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีนางจอมทรัพย์ อ้างว่า เจ้าหน้าที่ดีเอสไอรู้เห็นเป็นใจพยานเท็จตั้งแต่แรกนั้น และไม่ยับยั้งคดี โดยเรื่องดังกล่าวยังตอบไม่ได้ และยังมีข้อสงสัย ซึ่งในวันนี้ได้ข้อสรุปผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดเรียบร้อย แล้วเตรียมเสนอให้ นายวิศิษฎ์ วิศิษฎ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อพิจารณา และเป็นผู้ชี้แจงต่อไป เนื่องจากตนไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณชนได้เอง อย่างไรก็ตาม กระทรวงยุติธรรม มีหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนผู้มาร้องขอความเป็นธรรมและอำนวยความยุติธรรมให้เต็มที่ให้สุด แต่ต้องมีหลักเกณฑ์ตามระเบียบ