ศูนย์ข่าวขอนแก่น - พนักงานสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 แยกสอบปากคำ 7 ดีเอสไอต้องสงสัยเอี่ยวร่วมขบวนการสร้างพยานเท็จรื้อคดี “ครูจอมทรัพย์” โดยต่างปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ด้านรอง ผบช.ภ.4 เผยสอบปากคำในฐานะพยาน เดินหน้าสอบต่ออีกชุด 7 คนพรุ่งนี้
วันนี้ (7 ธ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีขบวนการ รับจ้างรับผิดแทนนางจอมทรัพย์ ศรีบุญหอม (แสนเมืองโคตร) อดีตผู้ต้องโทษในคดีขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้ทำการสอบปากคำเจ้าหน้าที่ดีเอสไอชุดแรก จำนวน 7 คน (ทั้งหมด 14 คน)
โดยพนักงานสอบสวนได้แยกสอบปากคำเป็นรายบุคคล ประเด็นสำคัญมุ่งสอบถึงการทำหน้าที่และการปฏิบัติงานของแต่ละคนว่าในการรื้อฟื้นคดีของครูจอมทรัพย์นั้นแต่ละคนทำหน้าที่อะไรบ้าง การปฏิบัติงานทุกขั้นตอนชอบด้วยกฎหมายหรือระเบียบหรือไม่ และมีการรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบหรือไม่อย่างไร
สำหรับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอทั้ง 7 รายดังกล่าว ประกอบด้วย นายนิธิต ภูริคุปต์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ หัวหน้าคณะทำงาน, พ.ต.ท.อภิมุข ศักดิ์ธนา พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ, พพ.ต.ท.โพธิวัฒน์ ทิมอุดม พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ, พ.ต.ท.ปุญธนัช เกตุเทศ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ, นายสิวะรัฐ พฤกษ์ไพบูลย์ เจ้าหน้าที่คดีพิเศษชำนาญการ, นายพงศา ราตรี เจ้าหน้าที่นิติกร ในฐานะทนายความในช่วงการรื้อฟื้นคดีครูจอมทรัพย์ และนายไอราวัณ เศวธครุฑหราฐิ์ เจ้าหน้าที่นิติกร
พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 กล่าวถึงการสอบปากคำครั้งนี้ว่าแบ่งออกเป็น 2 ชุด ชุดละ 7 คน โดยชุดแรกที่เชิญมาให้ถ้อยคำในวันนี้ เป็นชุดที่ปลัดกระทรวงฯ ในช่วงเวลานั้น มีคำสั่งตั้งคณะทำงานชุดแรกนี้ขึ้นเมื่อปี 2557 หลังจากนางจอมทรัพย์ได้เข้ามาร้องขอความเป็นธรรมจากกระทรวงยุติธรรม เจ้าหน้าที่ 7 คนนี้เป็นชุดที่รับเรื่องร้องเรียนในการขอรื้อฟื้นคดีขับรถชนคนตายของนางจอมทรัพย์ตั้งแต่เริ่มแรก ทำหน้าที่ในการรวบรวมพยานหลักฐานขึ้นสู่ศาล
รวมทั้งทำหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่มีผู้ร้อง นำพยานหลักฐานใหม่ คือ นายสับ วาปี ซึ่งรับสารภาพว่าเป็นคนขับรถชนคนตายตัวจริงมาแจ้งต่อคณะทำงานของกระทรวงยุติธรรมชุดนี้ด้วย จากนั้นได้มีการไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันกับตำรวจ สภ.นาโดน และ สภ.เรณูนคร จ.นครพนม ซึ่งมีการสรุปรายงานการตรวจสอบว่ามีผู้กระทำความผิดซึ่งเป็นหลักฐานใหม่ที่สามารถนำไปประกอบการรื้อฟื้นคดีของครูจอมทรัพย์ได้ จึงสรุปรายงานและเสนอต่อหัวหน้าชุดซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา
จนกระทั่งเดือนธันวาคม 2559 ศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งรับให้รื้อฟื้นคดีนางจอมทรัพย์ แต่ชุดทำงานเดิมเกษียณไปแล้ว ต่อมาวันที่ 9 ม.ค. 2560 คณะทำงานชุดของ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม จึงมารับช่วงต่อหลังจากศาลรับรื้อฟื้นคดีครูจอมทรัพย์ไปแล้ว 30 วัน ซึ่งเป็นชุดที่ 2 ที่จะเดินทางมาให้ปากคำในวันพรุ่งนี้ (7 ธ.ค.) ประกอบด้วย
นายชาติชาย โทสินธิติ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ หัวหน้าคณะทำงาน, พ.ต.ต.สตพงษ์ เชื้อมหาวรรณ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ, นายบารมี จันทรพิสัย พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ, พ.ต.ต.วัชรัศมิ์ เฉลิมสุขสันต์ เจ้าหน้าที่คดีพิเศษชำนาญการพิเศษ, พ.ท.ณพลพงศ์ กมลอาสน์ เจ้าหน้าที่คดีพิเศษชำนาญการพิเศษ, นายธิตินัย พาติกบุตร เจ้าหน้าที่คดีพิเศษชำนาญการพิเศษ และนายสุรศักดิ์ คำเวียง เจ้าหน้าที่คดีพิเศษชำนาญการ ซึ่งชุดนี้จะมีการสอบปากคำที่ลึกและละเอียดมากกว่าชุดที่มาให้การในวันนี้
พล.ต.ต.ธนาศักดิ์เปิดเผยว่า การเชิญเจ้าหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรมทั้ง 7 คนมาสอบปากคำในวันนี้ และอีก 7 คนในวันพรุ่งนี้ เป็นการสอบปากคำในฐานะพยานซึ่งยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่ามีใครบ้างที่เข้าข่ายมีความผิด ต้องรอจนกว่าผลการสอบปากคำจะแล้วเสร็จทั้งหมด ทั้งนี้ หากการสอบสวนเชื่อมโยงถึงใครและมีหลักฐานที่แน่ชัดว่าเจ้าหน้าที่คนใดรู้เห็นเป็นใจ ตำรวจก็จะแจ้งข้อกล่าวหาเป็นรายบุคคล ตามพฤติการณ์ในการกระทำความผิด
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นที่สอบปากคำในวันนี้ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอทั้งหมดให้การปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้องหรือรู้เห็นกับกระบวนการสร้างพยานเท็จ ในการรื้อคดีครูจอมทรัพย์